วัคซีน mRNA เวอร์ชั่นแรก ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก เอาสายพันธุ์เดลต้าไม่อยู่

23 ก.ค. 2564 | 01:50 น.

เพจหมอเวร โพสต์ สถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19ในไทย ประเมิน ต่อให้มีวัคซีนดีๆ เข้าไทยวันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ก็ยังพุ่งต่อเนื่อง อาจถึงปลายปีหน้า หรือจนกว่าวัคซีนรุ่น 2 ของทุกยี่ห้อจะออกมา หลัง วัคซีน mRNA ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกเอาสายพันธุ์เดลต้าไม่อยู่

ค่ำวานนี้ (22 ก.ค. 2564 ) เพจเฟซบุ๊ก  'หมอเวร' ช่องทางเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ และสถานการณ์โควิด19 ซึ่งมีผู้กดติดตามราว 4 แสนคน โพสต์ภาพและข้อความ ระบุ ถึงสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับมากกว่า 1 หมื่นรายต่อว่า ใน หัวข้อ : ต่อให้มีวัคซีนดีๆ เข้าไทยวันนี้ เลขติดเชื้อก็ยังพุ่งต่ออีกเป็นเดือน โดยวิพากษ์ประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด mRNA เวอร์ชั่นแรก ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก ว่ายังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ดี ขณะไทยตรวจเชื้อน้อย ผู้ป่วยตกหล่นอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ แนะป้องกันตัวเองอย่างสุดขีด รับมือมหาสงครามโรคระบาดชุดใหญ่ โดยมีใจความดังนี้ ...

 

เรื่องนี้สองจิตสองใจอยู่นานว่าจะเขียนดีไหม เพราะกลัวคนจะบอกว่าโจมตีร้าบานอีก แต่ก็เอาเถอะ มันเป็น Fact ที่เราจะต้องยอมรับแล้วอยู่กันไปแบบนี้อีกหลายเดือน ก็เลยตัดสินใจเขียนให้ระวังกันเต็มข้อดีกว่า

 

อย่างที่เรารู้แหละ ว่าวัคซีน mRNA กว่าจะเข้าไทยตามกำหนดการก็ปาเข้าช่วงปลายปี อาจจะแถวๆตุลาหรือพฤศจิกายนตามแผน (แต่มีล็อตแรกตัดของมาฉีดบุคลากรทางแพทย์ได้ก่อนช่วงสิ้นเดือนนี้) ซึ่งว่ากันตามตรงถึงแม้รัฐบาลใช้กำลังภายในกดดันให้วัคซีนบินมาส่งถึงไทยคืนนี้เลย ก็ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เลขการติดเชื้อจะลดลงได้แต่อย่างใด

 

1. คือเราก็ต้องให้เวลาวัคซีนมันทำงาน อย่างต่ำๆคนฉีดบูสเข็ม 3 ก็ต้องรอกระตุ้นภูมิประมาณ 2 สัปดาห์นู่น ยิ่งถ้าคนฉีดเข็มแรกหรือเข็มสองก็รอกันอีกหลายเดือนกว่าการป้องกันจะเริ่มเห็นผล และที่สำคัญคือ mRNA เวอร์ชั่นแรกที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกก็เอาเดลต้าไม่อยู่จริงๆ อย่างที่เราเห็นการระบาดกลับมาอีกครั้งทั่วโลกในตอนนี้ ขนาดเมกายังกลับมาระบาดอีกรอบแล้วเลย

 

2. กำลังในการฉีดของเราไม่พอ เพราะบุคลากรของเราส่วนใหญ่อยู่ด่านหน้าต้องดูแลคนไข้คนติดเชื้อกันหมด ทำให้การกระจายปูพรมฉีดไม่สามารถทำได้ไวอย่างใจคิดขนาดนั้น ถ้าโยนตูมมา 20 ล้านโดส ให้เวลา 2 เดือนจะฉีดกันหมดไหมยังไม่มั่นใจเลย คนของเราเหนื่อยล้ากันมามากแล้วจริงๆตอนนี้

 

ฉะนั้นแล้ว ความคิดหมอเวรเองคิดว่ามีโอกาสสูงมาก ที่เราจะต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปกันจนถึงปลายปีนู่นเลย หรือจนกว่าวัคซีนทั้งหลายจะออก Version 2 ที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างเห็นผลหน่ะนะ

 

ที่สำคัญอย่างที่รู้กัน ว่าการตรวจเชื้อในบ้านเราน้อยมากถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างอังกฤษนี่ตรวจกันได้แปดแสนถึงหนึ่งล้านคนต่อวัน เจอคนติดเชื้อสี่หมื่น ก็คิดเป็น 4% เท่านั้น แต่ของไทยเราตรวจหาโควิดได้ประมาณ 50,000-70,000 คนต่อวัน ซึ่งตอนนี้เจอคนติดเชื้อซัดเข้าไป 13,000 ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่ากลางจากการตรวจ 60,000 รายต่อวัน ก็เท่ากับว่ามีอัตราการตรวจเจอซัดไป 21.7% เข้าไปแล้ว

 

“แล้วถ้าไทยตรวจได้วันละล้านคน ในอัตราคนติดเชื้อ 21.7% ก็อาจเจอคนติดเชื้อได้หลักแสนคนต่อวันได้เลย” 

นี่ยังไม่นับรวมว่าตรวจ Rapid Antigen ไม่ได้ถูกนับเข้าระบบ หรือคนที่เสียชีวิตโดย SWAB เจอเชื้อทีหลัง เลขก็ยังไม่เข้าระบบอีกนะ !!

 

ฉะนั้นบอกเลยว่าสถานการณ์จริงตอนนี้ เรากำลังเจอศึกหนักเป็นมหาสงครามโรคระบาดชุดใหญ่ของจริง และยังนึกไม่ออกเลยว่าภายในไม่กี่เดือนนี้ เราจะพลิกเกมให้ภาพรวมมันฟื้นได้ยังไง 
-----------------------------------------------------
"เหมือนผู้นำขับเคลื่อนพวกเรามาอยู่ในจุดที่ไม่สามารถหวนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว" 
-----------------------------------------------------
อารมณ์แบบรู้แหละว่ากินเหล้าแล้วจะตับแข็ง แต่แม่งก็ยังบังคับเราดื่มอยู่นั่นแหละ มารู้ตัวอีกทีตอนป่วยหนักแล้ว เพิ่งจะมาบอกเราว่า เออรู้ตัวแล้วว่าเหล้าที่สั่งมามันไม่ดี แล้วก็ตบบ่าขอให้เราเชื่อมั่นเค้าต่อไป ใครจะไปเชื่อพี่ !!

ส่วนเรื่องการเสียชีวิตตอนนี้ที่เพิ่มมาเฉลี่ยวันละ 80-100 คน แม้รัฐจะออกมาบอกว่า ตัวเลขคนเสียชีวิตแบบนี้ ถ้าเทียบกับสถิติคนตายเมื่อ 5 ปีก่อนในแต่ละเดือน เช่นป่วยตายด้วยโรคประจำตัว หรือตายด้วยอุบัติเหตุ พอเอามาเทียบกับตัวเลขเสียชีวิตต่อเดือนทั้งหมดตอนนี้ มันก็ไม่ได้เยอะไปกว่าภาวะปกติเท่าไรนัก ซึ่งอันนี้ก็เป็น Fact ที่จริงแหละ

 

แต่ท่านก็ต้องไม่ลืมว่า เรายังมีเลขผู้เสียชีวิตแฝงนอกระบบโควิดอยู่ด้วย เพราะผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆที่เข้าถึงเตียงรักษาไม่ได้ช่วงนี้ ก็มีเลขการเสียชีวิตไม่น้อยเช่นกัน นี่ยังไม่นับการขาดแคลนเลือดระดับวิกฤตประเทศที่ทำให้คนเสียชีวิตอีกหลายรายอีกนะ รวมไปถึงเลขเสียชีวิตตอนนี้ก็มีเลขจากอุบัติเหตุลดลงด้วย เพราะคนไม่ค่อยเดินทาง แต่ตัวเลขการเสียชีวิตรายเดือนก็ยังคงสูงอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็น่าสนใจว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากไหน หรือว่าเพราะหลายๆเคสยังไม่ได้พิสูนจ์ว่ามาจากโควิด?

 

ดังนั้น ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นแหละว่า ต่อให้วัคซีนบินมาลงที่ไทยเย็นนี้ 20 ล้านโดส แต่กว่าจะฉีด กว่าภูมิจะขึ้น มันก็อีกราว 2 สัปดาห์ไปจนถึง 1 เดือนเป็นอย่างน้อย อีกอย่างที่น่ากังวลคือพอได้วัคซีนแล้ว ควรกันวัคซีนส่วนหนึ่งให้พอดีกับจำนวนแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุขในด่านหน้าด้วยหรือไม่ ไม่ใช่เอาไปแจกจ่ายวีวีไอพี หรือบุคคลทั่วไปซะหมด เพราะถ้าเกิดหมอสักคนป่วยขึ้นมา ก็อาจทำให้คนไข้อีกหลายร้อยคนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้เช่นกัน ลำพังแค่สถานการณ์ปกติงานยังล้นมือกันแล้ว นี่คนมาหายไปแถมบวกด้วยโควิดอีก นึกภาพไม่ออกเลยว่าอีกเดือนนึงหลังจากนี้ที่กราฟคนติดเชื้อและคนเสียชีวิตมันขยับแบบ Exponential แล้ว มันจะพุ่งไปหนักหนาแค่ไหน

 

ฉะนั้นใครที่ถึงแม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ยิ่งคนที่ไม่ได้วัคซีน และเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย ยิ่งต้องเพิ่มความเข้มงวดไปอีกหลายเท่าตัว ให้คิดเสมอว่าทุกคนที่เราไปเจอเป็นคนติดเชื้อ และทุกสิ่งของที่เราหยิบจับมีเชื้อแฝงอยู่ ฉะนั้น ใส่แมสสองชั้น ล้างมืออย่างเคร่งครัดตลอดเวลาเท่าที่เราจะทำได้เป็นวิธีเอาตัวรอดที่ดีที่สุดตอนนี้

 

เลขติดเชื้อหลักหมื่น หรือคนล้มตายข้างถนนตอนนี้เป็นเพียงซีนเปิดหนังเท่านั้น...#มันแค่เพิ่งจะเริ่ม