พบโควิดสายพันธุ์อินเดียในไทย 10% "หมอยง" ชี้วัคซีนที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพดี

23 มิ.ย. 2564 | 01:05 น.

หมอยงเผยข้อมูลโควิดสายพันธุ์อินเดียพบในประเทศไทยตอนนี้ 10% ระบุ 90% เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ชี้วัคซีนที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพดี

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า
    โควิด-19 วัคซีน การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของไวรัส
    ยง ภู่วรวรรณ
    เมื่อวานได้ร่วมแถลงข่าวกับท่านอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เราได้มีการศึกษาการกลายพันธุ์ของไวรัสในประเทศไทย อาทิตย์ละหลายร้อยตัวอย่างซึ่งถือว่า เป็นตัวแทนของประเทศ อย่างแน่นอนและในขณะเดียวกันที่ศูนย์เองก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วในเกือบทุกตัวอย่างหลายร้อยตัวอย่างเช่นเดียวกัน และมีจำนวนที่มากพอที่ได้ข้อมูลตรงกันว่าขณะนี้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์อังกฤษ หรือสายพันธุ์ แอลฟา
    ส่วนน้อยประมาณ 10% เป็นสายพันธุ์อินเดียหรือเดลต้า และประมาณเกือบ 1 เปอร์เซ็นต์เป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้หรือเบต้า  สายพันธุ์เดลต้า ที่พบส่วนใหญ่ยังพบในกลุ่มคนงาน ที่มีอายุน้อย แรงงานที่อยู่เป็นกลุ่มก้อน
    สายพันธุ์ เดลต้า จะค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย นับตั้งแต่เริ่มพบมาเป็นเวลากว่าเดือน และคงจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน จึงจะมาเป็นไวรัสส่วนใหญ่ต่อไป 
    ดังนั้น การให้วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยในขณะนี้ ยังมีประสิทธิภาพดี ในการป้องกันสายพันธุ์แอลฟา ส่วนในอนาคต การติดตามสายพันธุ์ มีความจำเป็นเพื่อปรับกลยุทธ์ในการป้องกันโรคให้เหมาะสมต่อไป
    สายพันธุ์ที่กลัวว่าจะหลบหลีกวัคซีนได้มาก คือสายพันธุ์เบต้า ขณะนี้ยังพบในวงจำกัดอยู่ในบริเวณภาคใต้ แต่เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการแพร่ระบาดได้ต่ำกว่าสายพันธุ์อื่น ความน่ากลัวของสายพันธุ์นี้ ที่จะระบาดอย่างกว้างขวางจึงน้อยลง
    วัคซีนในปัจจุบันทุกบริษัททำมาจากสายพันธุ์ดั้งเดิม คือสายพันธุ์อู่ฮั่น และแน่นอนเมื่อมีสายพันธุ์เดลต้าเกิดขึ้นแล้ว ในอนาคตก็คงจะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอีก เป็นวงจรที่เปลี่ยนไปตามพันธุกรรมของ RNA  ไวรัส และเชื่อว่าในปีหน้า จะมีวัคซีนใน Generation ที่ 2  เพื่อให้ตรงกับสายพันธุ์ที่คาดการณ์ว่าจะระบาด ในปีหน้า เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ในวัคซีนจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับวัคซีนทุกตัวที่จะใช้ในปีหน้า
    เราต้องรีบให้วัคซีนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ขณะนี้ให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าไวรัสจะเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม วัคซีนที่ใช้อยู่ก็ยังสามารถป้องกันได้แต่อาจจะมีประสิทธิภาพลดลงบ้าง อย่างน้อยก็ลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิตลงได้อย่างแน่นอน 
    #หมอยง
    ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-21 มิ.ย. 64 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีการฉีดสะสมไปแล้ว  7,906,696 โดส ประกอบด้วย เข็มที่ 1 จำนวน 5,678,848 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 2,227,848 ราย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :