ใช้ยาฮอร์โมน "คุมกำเนิด-Transgender-วัยทอง" ฉีดวัคซีนโควิดต้องหยุดยาก่อนหรือไม่ ที่นี่มีคำตอบ

10 มิ.ย. 2564 | 22:00 น.

สาธารณสุข ย้ำชัด คกก.พัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์ฯ เห็นชอบให้ 4 กลุ่มคนไข้ใช้ยาฮอร์โมน "คุมกำเนิด-รักษาโรคทางนรีเวช-Transgender-วัยทอง" ฉีดวัคซีนโควิดได้โดยไม่ต้องหยุดใช้ยา

ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ราชวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 2 อาคาร 1 ชั้น 5 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวปฏิบัติด้านอนามัยการเจริญพันธุ์เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เนื่องจากยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นและมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 20-59 ปี คิดเป็น 82.7 % ประกอบกับขณะนี้มีข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับผลจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้ประชาชนหลายกลุ่มขาดความเชื่อมั่นและมีความกังวลใจในการรับวัคซีนโควิด โดยเฉพาะใน 4 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มหญิงที่ใช้การคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมน

2.กลุ่มคนไข้นรีเวชที่ใช้ฮอร์โมนในการรักษา

3.กลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) ที่ใช้ฮอร์โมนเพศหญิง

4.กลุ่มชาย-หญิงวัยทองที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ได้หารือและจัดทำแนวปฏิบัติด้านอนามัยการเจริญพันธุ์รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประชุมร่วมกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนโควิด-19 สมาคมอนามัยการเจริญพันธุ์ (ไทย) กรมควบคุมโรค มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และองค์การเภสัชกรรม ได้ข้อสรุปตามที่เสนอคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ พิจารณาและเห็นชอบ ดังนี้

1.ผู้ที่คุมกำเนิดทุกชนิด สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้ก่อน เนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันจากการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนที่มีเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ พบได้น้อยมากในหญิงไทย และพบได้น้อยกว่าในสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งมีระดับเอสโตรเจนสูงมากตามธรรมชาติ

2.ผู้ที่ใช้ฮอร์โมนในการรักษาโรคทางนรีเวช ฮอร์โมนทดแทนวัยทอง ฮอร์โมนเพศในกลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ เพราะการใช้ฮอร์โมนไม่ใช่ข้อบ่งห้ามในการฉีดวัคซีนโควิด-19   

3.ผู้ที่วางแผนจะมีบุตร หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาภาวะมีบุตรยากสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ เนื่องจากไม่มีข้อบ่งห้ามในการฉีดวัคซีน

4.สามีภรรยา คู่ชีวิต หรือคู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการรับเชื้อ

ทั้งนี้ หากไม่มั่นใจหรือมีความกังวลใจ สามารถประเมินความเสี่ยงผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” ของกรมอนามัย เพื่อป้องกันคนในครอบครัวในการอยู่ร่วมกันและปกป้องคนที่รัก กรณีมีความเสี่ยงจะได้มีการแยกตัวเฝ้าระวัง 

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวยืนยันว่า ขอให้ประชาชน 4 กลุ่มดังกล่าวเชื่อมั่นว่า วัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งบางรายอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย

สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนที่มีอยู่ในปัจจุบันมีทั้งแบบที่เป็นยาเม็ด ยาฉีด ยาฝังที่ใต้ผิวหนัง และแผ่นแปะที่ผิวหนัง แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ยาเม็ดแบบกินชนิดที่มีฮอร์โมนรวมเพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังมีผลข้างเคียงน้อย ซึ่งได้รับการวิจัยและพัฒนาด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 50 ปี

ดังนั้น หากยังมีความกังวลใจและต้องการหยุดการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ มาทดแทนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ได้แก่ ยาเม็ดหรือยาฉีดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด และถุงยางอนามัย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง