ศาลยุติธรรมขานรับแนวทางปล่อยตัว“ผู้ต้องขัง”ชั่วคราวลดโควิดในเรือนจำ

17 พ.ค. 2564 | 08:45 น.

โฆษกศาลยุติธรรมเผยศาลยุติธรรมขานรับนโบายประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย เพื่อลดการแพร่ระบาดโควิด 19 ในเรือนจำ

วันนี้ (17 พ.ค. 64) นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผ่านมายังคงมีข่าวการแพร่ระบาดเชื้อโควิดอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของศาลยุติธรรม ก็มีขั้นตอนดำเนินการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำด้วยนั้น ประกอบกับล่าสุดมีกรณีที่ศาลอาญาเลื่อนนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในส่วนของนายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา ม.112 ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 28 เม.ย.64 ขอให้งดเบิกตัวผู้ต้องขัง แม้โดยระบบการสื่อสารผ่านทางไกลเพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง และจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในพื้นที่เรือนจำ จึงไม่สามารถเบิกตัวผู้ต้องหาได้ โดยศาลอาญาเลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 1 มิ.ย.64 เวลา 10.00 น. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ก็เป็นการปฏิบัติตามแนวทางมาตรการลดการคุมขังและการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ค ที่ผ่านมา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ออกหนังสือเวียนถึงหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม เน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการลดการคุมขังและการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ และคำแนะนำของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการขยายโอกาสในการเข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราว พ.ศ.2562 

โดยการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาคดี (ทุกชั้นศาล) และผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่เคยถูกคุมขังคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิด ในสถานที่คุมขัง และเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือภัยอันตราย โดยพึงใช้วิธีกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติ รวมทั้งมาตรการกำกับดูแลมาใช้เพื่อลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นระหว่างนี้ และเมื่อใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว สามารถผ่อนคลายการเรียกหลักประกันลงได้ โดยวิธีดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในศาลสูงสำหรับจำเลยที่ไม่เคยถูกคุมขังในระหว่างพิจารณาคดีของศาลล่างได้ด้วย

 

ทั้งนี้หากศาลกำหนดเงื่อนไขให้แก่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องรายงานตัวเป็นระยะ ๆ อาจใช้วิธีรายงานตัวทางโทรศัพท์ หรือ ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ 

ส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หากจำเลยเคยได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์มาก่อน ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง และในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งไม่เคยถูกคุมขังมาก่อน หรือจำเลยที่เคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาก่อน หรือจำเลยซึ่งมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี แม้ยังไม่ได้อุทธรณ์หรือฎีกา หรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลอาจพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข เช่น มีคำสั่งกำกับดูแลผู้ต้องหาหรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) จำกัดการเดินทางของผู้ต้องหา เป็นต้น

สำหรับการพิจารณาคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ในกรณีที่สถานที่คุมขังแห่งใดมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังเพื่อจำกัดวงของการแพร่ระบาดเชื้อโรค ให้อยู่ในพื้นที่ที่ทางสถานที่คุมขังกำหนดทำให้ไม่สามารถเบิกตัวผู้ต้องขังมาศาล หรือดำเนินการในลักษณะการประชุมทางจอภาพผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

การสอบถามผู้ต้องหาว่าจะคัดค้านการฝากขังหรือไม่ อาจดำเนินการโดยส่งสำเนาคำร้องขอฝากขังไปยังสถานที่คุมขังเพื่อให้เจ้าหน้าที่สถานที่คุมขังแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบและลงชื่อคัดค้านหรือไม่คัดค้านการฝากขัง หากผู้ต้องหาคัดค้านให้สถานที่คุมขังแจ้งให้ศาลทราบโดยเร็วเพื่อเรียกไต่สวนผู้ร้องถึงเหตุจำเป็นในการฝากขังต่อไป

 

ส่วนการอ่านคำพิพากษา กรณีจำเลยทุกคนในคดีได้รับการปล่อยชั่วคราว ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาและแจ้งให้คู่ความทราบ เว้นแต่คู่ความแจ้งให้ศาลทราบว่าประสงค์จะฟังคำพิพากษาตามกำหนดเดิม ก็ให้อ่านคำพิพากษาไปได้ โดยกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนกรณีจำเลยบางคนหรือทุกคนในคดีถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ให้อ่านคำพิพากษาตามกำหนดนัดเดิมโดยผ่านระบบการประชุมทางจอภาพผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติที่ประธานศาลฎีกาท่านก่อนและท่านปัจจุบันได้วางไว้ ตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดระลอกนี้แล้ว สำนักงานศาลยุติธรรมนำมาเน้นย้ำเพราะเป็นแนวทางที่สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดยังลุกลามไปมาก จะสังเกตเห็นได้ว่ายังมียอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนหลักพันทุกวัน การนำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการคดีในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดนำมาปฏิบัติใช้นั้น เพื่อความปลอดภัยสำหรับประชาชน ผู้ต้องขัง และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และทั้งช่วยลดความเสี่ยงและลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :