ดีเดย์ 1 มิ.ย. ' สถานีกลางบางซื่อ ' เปิดวอล์กอิน ฉีดวัคซีนโควิด19

16 พ.ค. 2564 | 03:48 น.

“ศักดิ์สยาม”รมว.คมนาคม เผย 1 มิ.ย. เปิดสถานีกลางบางซื่อ กว่า 1.3 หมื่นตร.ม เป็นพื้นที่ 'ฉีดวัคซีนโควิด' แบบวอล์กอิน สำหรับประชาชนทั่วไปทุกวัน ขณะ 24-31พ.ค. นำร่อง บุคลากรในระบบรถไฟ-เรือ-เมล์ และ คนขับแท็กซี่-มอไซค์รับจ้างฉีดก่อน

16 พ.ค.2564  - มีรายงานว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ระบุถึงการเตรียมความพร้อมของสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนวอล์กอิน (Walk in) ว่า จากการหารือและประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ทางคมนาคมจะเปิดสถานีกลางบางซื้อพื้นที่ชั้น 1 และ ชั้นลอย กว่า 13,500 ตารางเมตร เป็นศูนย์บริการฉีดวัคซีนเพื่อบริการประชาชน บุคคลากรด่านหน้า และผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในเขตกทม.และปริมณฑล 

ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบ วัคซีนและบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมาให้บริการในแต่ละวัน ส่วนกระทรวงคมนาคมจะรับผิดชอบในเรื่องสถานที่ เจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับประชาชนที่รับบริการกว่า 10,000 คน/วัน และจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24-31 พ.ค.ในเวลา 09.00-20.00 น. ให้กับผู้ให้บริการด่านหน้า และตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไปจะให้บริการกับประชาชนทั่วไปแบบวอล์กอิน ในทุกวัน จนถึงสิ้นปี64  

ทั้งนี้  21 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปยังสถานีกลางบางซื่อเพื่อตรวจความเรียบร้อย และ ความพร้อมก่อนที่จะเปิดให้บริการจริงโดยแบ่งการบริการออกเป็นในวันที่ 24-31 พ.ค. ให้กับผู้ปฎิบัติการด่านหน้าในระบบขนส่งมวลชนทุกประเภทในสังกัดกระทรวงคมนาคมก่อน ส่วนผู้ขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์วินรับจ้าง ผู้ขับขี่ขนส่งสาธารณะทุกประเภทในระบบทางกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) จะเป็นผู้ประสานให้มาฉีดวัคซีนในช่วงวันดังกล่าวเช่นกัน 

ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว วอล์กอิน ฉีดวัคซีนโควิด19

ส่วนประชาชนทั่วไปนั้นแนวคิดจะเป็นวอล์กอินวัคซีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไป โดยประชาชนที่สนใจสามารถเดินทางมาลงทะเบียนที่สถานีกลางบางซื่อ เพียงยื่นบัตรประชาชนเพียงใบเดียว และรับบัตรคิวที่สถานีกลางบางซื่อได้เลย  ซึ่งเมื่อรับบัตรคิวจะทำให้ผู้มารับบริการทราบได้ว่าคิวที่จะได้รับวัคซีนเป็นช่วงเวลาเท่าไหร่ เพื่อไม่ต้องคอยนาน และการร่วมมือกันดังกล่าวระหว่างหน่วยงานจะช่วยให้ประชาชนได้มีทางเลือกในการฉีดวัคซีนง่ายขึ้น และ และครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนที่มีความต้องการฉีดแต่ไม่ได้รับวัคซีน 

ทั้งนี้  เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถรับวัคซีนได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก สถานีกลางบางซื่อ มีความกว้างขวางรองรับประชาชนที่จะเดินทางได้อย่างสะดวก ทั้งที่มาจากระบบขนส่งมวลชน ทางรถไฟฟ้าใต้ดินก็มาลงที่สถานีบางซื่อ และเดินทางเชื่อมใต้ดินจากสถานีรถไฟฟ้าบางซื่อมายังสถานีกลางบางซื่อได้เลย

ส่วนประชาชนที่จะเดินทางมาโดยขนส่งสาธารณะ โดยรถเมล์ ของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) นายศักดิ์สยาม ระบุ สามาถนั่งรถชัทเตอร์บัส ที่คมนาคมจัดจุดรับเพื่อมาสถานีกลางได้ หากประชาชนขับรถมาก็สะดวกมีที่จอดรถรองรับได้จำนวนมาก มั่นใจว่าจะช่วยให้การรับวัคซีนได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานอำนวยการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์โควิดในระบบขนส่งมวลชน กล่าวว่า จากที่ได้มีการรประชุมร่วมกระทรวงสาธารณสุข และ ส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่า จะมีการแบ่งกลุ่มที่จะมารับวัคซีน ออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงระหว่างวันที่ 24-31พ.ค.64 จะเป็น บุคคลากรด่านหน้า และผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทของกระทรวงคมนาคม ส่วนวันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไปนโยบายกระทรวงคมนาคม จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่มีีความต้องการฉีดวัคซีนแบบเปิดกว้างมารับบริการ

นอกจากนั้นยังได้มีการประสานงานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ในการจัดรถโดยสารปรับอากาศ  เพื่อวิ่งเวียนรับประชาชนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ,สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต ,สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จตุจักร สถานีรถตู้ บขส.,และจากท่าน้ำบางโพ วนมาที่สถานีกลางบางซื่อ ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ให้เปิดทางเดินเชื่อมจากสถานีบางซื่อมายังสถานีกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยสะดวกประชาชนให้เดินทางได้ง่ายขึ้นเพื่อมารับบริการ

นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ และ บุคลากรทางการแพทย์ นั้นได้มีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล และนักศึกษาพยาบาล โดยจะมาปฎิบัติงานเป็นกะ กะละ 150-200 คน เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนตั้งแต่เวลา 09.00-20.00น.ของทุกวัน โดยจะมีโต๊ะเพื่อฉีดวัคซีนให้ประชาชน ไม่น้อยกว่า 50 โต๊ะ 

นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคมและสาธารณสุข อำนวยความสะดวกอีกจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้ประสานรถฉุกเฉินจาก โรงพยาบาลบุรฉัตรของ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) มาจอดรอสถานการณ์หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน