2 โจทย์หลักเร่งด่วนสู้โควิด-19 หมอธีระชี้เพื่อให้อยู่รอดในระยะยาว

26 เม.ย. 2564 | 13:10 น.

2 โจทย์หลักเร่งด่วนสู้โควิด-19 หมอธีระชี้เพื่อให้อยู่รอดในระยะยาว ระบุมีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อรายวันไปเรื่อย

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า

มองไปยาวๆ การระบาดครั้งนี้ ผลลัพธ์จะคล้ายระลอกสองคือ มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อรายวันไปเรื่อยๆ ครับ ทางเลือกที่จะเลือกตัดสินใจได้นั้น คาดการณ์ว่ามีจำกัด เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านทรัพยากรคนเงินของหยูกยาอุปกรณ์สถานที่ และศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรค จึงเหลือปัจจัยสำคัญอย่างเดียวคือจะล็อคดาวน์ด้วยกลวิธีที่ได้เรียนเสนอไปหรือไม่ และทันต่อเงื่อนเวลาหรือไม่

ผลลัพธ์ของศึกนี้ น่าจะเห็นในลักษณะของระดับการติดเชื้อต่อวันที่อาจเป็นระดับหลักร้อย จะเป็นร้อยกลางๆ หรือร้อยต้นๆ และจะมีโอกาสระบาดซ้ำไปได้เรื่อยๆ แปรผันกับปัจจัยแวดล้อมทางสังคม ทั้งเรื่องนโยบายต่างๆ รูปแบบธุรกิจอุตสาหกรรม และพฤติกรรมของคนในประเทศและคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากระลอกสามนี้ หนักกว่าระลอกแรกและระลอกสอง ประเมินดูแล้วอาจมีคนจำนวนมาก และกิจการจำนวนไม่น้อย ที่อาจไม่มีสายป่านที่จะทำต่อ เพราะลงทุนไปหมดหน้าตักในระลอกสองที่ผ่านมา

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

โจทย์จึงมีสองเรื่องหลัก ที่จะต้องจัดการด่วนเพื่อให้อยู่รอดในระยะยาว

หนึ่ง "เชิงระบบ"

ควรลงทุนเต็มที่กับระบบคัดกรองโรค ให้มีศักยภาพในการตรวจมากและต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกพื้นที่ อย่างน้อยต้องให้บริการได้ 2 ครั้งต่อคนต่อปี และควรไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้จำเป็นต้องบูรณาการเครือข่ายบริการตรวจทั้งรัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานและส่งต่อข้อมูลระหว่างกันได้ในระยะยาว...นี่คือหัวใจสำคัญในการสู้ศึกครั้งถัดๆ ไป...

ควรลงทุนและทำทุกทางที่จะจัดหาวัคซีนทางเลือก และสร้างช่องทางในการเข้าถึงได้อย่างถ้วนทั่ว เพียงพอ และควรมีปริมาณมากพอหรือเกินกว่าจำนวนประชากรในประเทศที่มีอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถครอบคลุมได้ทั้งคนไทย และคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศ...นี่คือหัวใจสำคัญดวงที่สองในการสู้ศึกระยะยาว...

ควรเร่งพัฒนาความรู้และทักษะจำเป็น ในการค้าขาย บริการ ท่องเที่ยว เดินทาง และอื่นๆ สำหรับประชาชนในประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ให้รู้ ทำได้ ทำเป็น คุ้นชิน กับรูปแบบบริการที่เน้นความปลอดภัยต่อตัวผู้ประกอบการ ผู้บริการ และลูกค้า เพื่อให้ปกป้องกิจการของตนจากการระบาดซ้ำ และออกแบบโครงสร้างการทำกำไรในลักษณะที่เน้นความปลอดภัย เช่น การท่องเที่ยวที่ขายเรื่องราว ต้องเน้นทักษะการเล่าเรื่องความเป็นมา หรือสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในตัวสินค้า บริการ หรือสถานที่ต่างๆ เป็นต้น

ควรปรับกลไกนโยบายสุขภาพท่องเที่ยวเดินทางและพาณิชย์ ให้เน้นการลดความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำ ปฏิรูประบบและรูปแบบธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งเล็ก กลาง และใหญ่ และปรับองคาพายพ โดยประเมินจากผลการทำงานที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยังมีจุดอ่อนที่ต้องได้รับการแก้ไข และจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาสู่สวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในสังคม ต้องไม่กลัวที่จะยอมรับความจริง และนำไปปรับ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในระยะยาว

สอง "เชิงพื้นที่"

เป็นบทบาทหน้าที่ของทุกคนในสังคม ในแต่ละหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ที่ต้องวางแผนรณรงค์ กระตุ้นให้ทราบสถานการณ์จริงว่า จะมีโอกาสระบาดซ้ำได้ หากทุกคนมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือป้องกันตัวได้ไม่เข้มแข็งพอ หาทางสร้างวัฒนธรรมท้องถิ่นปลอดภัยในแนวทางที่เหมาะสมของแต่ละพื้นที่

ประคับประคอง ช่วยเหลือแบ่งปัน ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระลอกสามนี้ เพราะอาจมีจำนวนมากกว่าเดิม และต้องการความช่วยเหลือนานกว่าเดิม กว่าจะยืนได้ด้วยตนเอง ทั้งเรื่องปัจจัยสี่ และรวมถึงงานเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถจ้างให้ช่วยทำได้

นโยบายประหยัด รัดเข็มขัด ใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศหรือในท้องถิ่น ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ จำเป็นต้องนำมาใช้ เพื่อให้มีโอกาสอยู่รอดในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม เล่ามาแลกเปลี่ยนให้ไว้พิจารณาตามความเหมาะสม

ประเทศไทยต้องทำได้ หากเราทุกคนช่วยกัน

ด้วยรักและห่วงใย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :