สธ.พบกลุ่มเสี่ยงไม่กักตัว เป็นเหตุให้ผู้ติดเชื้อโควิด ใน"ที่ทำงาน" เพิ่ม

14 ม.ค. 2564 | 00:23 น.

กระทรวงสาธารณสุข เผยพบการติดเชื้อในที่ทำงานเพิ่มขึ้น เหตุผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่กักตัว แนะเข้มมาตรการองค์กร

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย หลังวานนี้ (13 ม.ค.) ครบรอบ 1 ปีของการพบผู้ป่วยโควิด 19 รายแรกเมื่อปี 2563 เป็นผู้ป่วยหญิง จากอู่ฮั่น ส่วนการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2563 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 157 ราย ยอดสะสม 6,754 ราย แบ่งเป็นคนไทย 47% เมียนมา 40% กัมพูชา 2% และอื่นๆ 10% แม้กราฟผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ ต้องติดตามแนวโน้มการระบาดในสัปดาห์หน้า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อใน 60 จังหวัด มีพื้นที่สีเขียวไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา 20 จังหวัด พื้นที่สีแดงที่มีผู้ป่วยมากกว่า 50 ราย 10 จังหวัด  

สำหรับ จ.สมุทรสาครได้รับกำลังใจและการสนับสนุนทีมทางการแพทย์เสริมทีมปฏิบัติงานในพื้นที่ เช่น จากโรงพยาบาลบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ร่วมปฏิบัติงานโรงพยาบาลสนามวัดโกรกกราก ทีมเฝ้าระวังสอบสวนควบคุมโรค และทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ จากเขตสุขภาพที่ 8 รวม 15 ทีม ที่เข้ามาร่วมปฏิบัติงานควบคุมโรค จ.สมุทรสาคร ส่วนแนวโน้มพบมีผู้ติดเชื้อลดลง แต่อาจพบเพิ่มขึ้นอีกจากการค้นหาเชิงรุก  

“ขณะนี้เราพบการติดเชื้อในสถานประกอบการมาจากพนักงานที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อยู่ระหว่างรอผลการตรวจไม่กักตัว จึงต้องร่วมกันป้องกันไม่ให้เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์  เน้นย้ำมาตรการองค์กร เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้พนักงาน หากพบผู้ติดเชื้อต้องตรวจคัดกรองพนักงาน และกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ครบ 14 วัน รวมถึง อสม.ช่วยกำกับติดตามด้วย  ซึ่งขณะนี้ได้ปรับมาตรการให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้ตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันแรก” นพ.จักรรัฐ กล่าว

ด้าน นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กล่าวว่า การระบาดระลอกใหม่ของ กทม. จำนวนผู้ป่วยยังไม่สูงเท่าระลอกแรก เป็นการติดเชื้อไม่มีอาการถึง 49% ขณะที่ระลอกแรกพบติดเชื้อไม่มีอาการเพียง 29% มีรายงานผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค (PUI) จำนวนมาก แสดงว่าระบบเฝ้าระวังในพื้นที่ยังเข้มข้น  โดยพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนสำคัญใน กทม. คือ กรณีเชื่อมโยงสมุทรสาคร และกรณีสถานบันเทิง คือ ย่านปิ่นเกล้า ธนบุรี และบางนา แต่ที่ต้องเฝ้าระวังคือ ขณะนี้เริ่มพบการระบาดในครอบครัวและสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง จึงต้องย้ำมาตรการเฝ้าระวังในสถานประกอบอย่างเข้มข้น

สธ.พบกลุ่มเสี่ยงไม่กักตัว เป็นเหตุให้ผู้ติดเชื้อโควิด ใน"ที่ทำงาน" เพิ่ม

“ขณะนี้เราพบการระบาดเชื่อมโยงกับหลายพื้นที่ จากการที่กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่กักตัวยังไปในหลายพื้นที่ทำให้แพร่เชื้อไปได้รวดเร็ว  เช่น กรณีบ่อนพนันพัทยา เชื่อมโยงสถานบันเทิงใน กทม.และเชียงใหม่ เริ่มจากมีผู้ป่วย 3 ราย นำเชื้อไปติดบุคลากรทางการแพทย์ พนักงานในสถานบันเทิง ส่วนอีกตัวอย่างเป็นนักเที่ยวนำเชื้อไปติดพนักงานคนใกล้ชิด ครอบครัว และผู้ที่มาเที่ยว ส่วนกรณีเชื่อมโยงกับร้าน New Jass Plaza มีผู้ป่วย53 ราย ติดเชื้อในครอบครัวค่อนข้างน้อย แต่จะไปแพร่ให้เพื่อนร่วมงานและผู้ที่ไปมาหาสู่กันจำนวนมาก”นพ.วิชาญกล่าว

นพ.วิชาญ กล่าวว่า กทม.ได้ให้ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง เฝ้าระวังผู้มารับบริการและชุมชนต่างด้าว  ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกรายใน กทม. ปัจจุบันมี 2,200 กว่าราย  จุดเสี่ยงสำคัญคือ ตลาด ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ค้าจากสมุทรสาคร ตั้งเป้าตรวจผู้ค้าทุกรายที่มาจากพื้นที่เสี่ยงโดยการตรวจน้ำลาย ปัจจุบันตรวจแล้ว 1.2 หมื่นราย พบผู้ป่วย 14 ราย และกำลังวางแผนเก็บตัวอย่างน้ำลายอีก 1.8 หมื่นราย ครอบคลุมตลาดที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมด ส่วนมาตรการของแรงงานต่างด้าวได้กำหนดจุดด่านตรวจไม่ให้เคลื่อนย้าย และเฝ้าระวังในโรงงานที่มีแรงงานต่างด้าวโดยจะนำเสนอ ศบค.กทม.อนุมัติต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยอดโควิดทั่วโลก 14 ม.ค.

รวมข่าว "โควิด-19" วันที่ 14 ม.ค.64 แบบอัพเดทล่าสุด

"ชลบุรี" เปิดพื้นที่เสี่ยงติดโควิด-19 รอบใหม่