โรงแรม ASQ ผันตัว เป็นHospitel หนีตาย

22 เม.ย. 2564 | 18:25 น.

โรงแรมอ่วมโควิดรอบ3 แห่สมัครเป็น Hospitel หารายได้ สมาคมโรงแรมไทยเผย ASQ กว่า 60% ทยอยสมัคร เหตุคนเดินทางเข้าไทยหด ต้องผันตัวมาจับมือโรงพยาบาลรับผู้ป่วยโควิดอาการน้อยแทน

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นับจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก3 สมาคมฯได้รับการติดต่อจากกรมสนับสนุนบริการสาธารณสุข  โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนจำนวนมาก เพื่อขอให้ช่วยประสานงานกับผู้ประกอบการโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมสมัครเป็น Hospitel (ฮอสพิเทล) หรือ หอผู้ป่วยติดโรคโควิด-19 เฉพาะกิจ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย 

ทั้งนี้เบื้องต้นพบว่า โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ Alternative State Quarantine หรือ ASQ อยู่แล้ว(กักตัวรอดูอาการสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ)ซึ่งมีอยู่  137 โรงแรม รวม 1.8 หมื่นห้อง กว่า 60% แสดงความจำนงค์ที่จะเข้าร่วมเป็น Hospitel เนื่องจากมีลูกค้าน้อยมาก หรือบางโรงแรมไม่มีเลย

ประกอบกับ Hospitel เป็นโอกาสเดียวในขณะนี้ที่จะหาเงินมาหมุน พยุงธุรกิจ รักษาสภาพการจ้างงานในระยะสั้นนี้ได้ ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมเป็น Hospitel ได้ ก็ต้องผ่านหลักเกณฑ์ที่ทางสาธารณสุขกำหนดไว้ โดยรัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 1,500 บาทต่อวันรวมอาหาร 3 มื้อ 

โรงแรมจะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน อาทิ บางโรงแรมได้ 1,300 บาทต่อวัน แบ่งให้โรงพยาบาลได้ 200 บาทต่อวัน เพราะทางโรงพยาบาลต้องจัดบริการยาและเวชภัณฑ์มาบริการด้วย ซึ่งหากผู้ป่วยเข้าพักในโรงพยาบาลของรัฐ ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมาพักใน Hospitel แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชน ถ้าอยากได้ห้องที่ดีราคาเกิน 1,500 บาท ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งด้วยความที่มีการติดต่อเข้ามามาก ทำให้โรงแรมที่สนใจจะให้ติดต่อกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพโดยตรงเป็นหลัก เพื่อเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ก็ยังมีในส่วนที่โรงพยาบาลเอกชนเองติดต่อกับโรงแรมต่างๆโดยตรง เพื่อเจรจาหาที่พักมาทำ Hospitel หรือเหมาทั้งโรงแรมทำ Hospitel กับโรงพยาบาลนั้นๆ เพียงรายเดียว เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีเตียงเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)กล่าวว่า สถานกักกันโรคทางเลือก (ASQ) ที่ดูแลผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ มีระบบป้องกันตามมาตรฐานนั้น ปรับตัวเป็น Hospitel ได้ ซึ่งได้ออกแนวทางและรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. จนถึงขณะนี้มีโรงพยาบาลร่วมกับโรงแรมที่สมัครและผ่านการรับรองแล้ว 34 แห่ง เป็นจำนวนเตียงที่ขออนุมัติรวม 7,200 กว่าเตียง 

แหล่งข่าวจากธุรกิจโรงแรมเผยว่า ปัจจุบันมีหลายโรงแรมร่วมเป็น Hospitel อาทิ โรงแรมมาเลเซีย 100 เตียง ร่วมกับโรงพยาบาลสุขุมวิท,โรงแรมโอโซน 40 เตียงร่วมกับโรงพยาบาลวิภาราม โรงแรมรัตนโกสินทร์ 150 เตียง ร่วมกับโรงพยาบาลปิยะเวท โรงแรมอินทรา รีเจ้น 455 เตียงรวมกับโรงพยาบาลปิยะเวท โรงแรมชีวา75 เตียงร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ โรงแรมฌอกะเชอ200 เตียงร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฏร์อินเตอร์เนชั่นแนล โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯแกรนด์สุขุมวิท 324 เตียงร่วมกับโรงพยาบาลธนบุรี เป็นต้น

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวว่า จากการประชุมล่าสุดได้รับแจ้งว่า มีโรงแรมอีก 4 แห่งที่จับคู่กับโรงพยาบาลเอกชน แจ้งความจำนงขอเป็น Hospitel อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสอบความพร้อมตามเงื่อนไขก่อนอนุมัติ ประกอบด้วย 1.โรงแรมอโมร่า ท่าแพ 2. โรงแรมบีพี เชียงใหม่ 3. โรงแรมเล วิล เชียงใหม่ และ4. โรงแรม เดอะ เชียงใหม่ ทั้งนี้โรงแรมที่สมัครต้องได้รับความเห็นชอบจากชุมชนก่อน

อัตราค่าห้องพักใน PIH Hospitel ของม.พายัพและรพ.แมคคอร์มิค มีตั้งแต่ระดับห้อง Deluxe นอนคนเดียว คืนละ 2,000 บาท ห้องพักแบบ Superior เตียงเดี่ยวพัก 2 คน ห้องละ 2,400 บาทต่อคืน และห้องสแตนดาร์ด พัก 2 คนห้องละ 2,000 บาทต่อคืน นอกจากนี้ยังมีห้องสวีทสำหรับครอบครัวให้บริการ และผ่านมาตรฐานทางสาธารณสุขทุกด้าน

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,672 วันที่ 22 - 24 เมษายน พ.ศ. 2564

ข่าวเกี่ยวข้อง :