กําเงินไล่ซื้อ โอกาสทอง‘เจ้าสัว’ 100 รายเร่ขายโรงแรมทุบราคา30-50%

30 ต.ค. 2563 | 01:23 น.

บิ๊กทุนไทย-เทศ ตั้งกองทุนช้อนซื้อโรงแรมไทยที่ขาดสภาพคล่องจากโควิด-19 คาด AWC ใช้งบ 5 หมื่นล้านบาทต่อยอดธุรกิจ หลังคนแห่เสนอขายร่วม 100 รายขณะที่เดซติเนชั่น แคปปิตอล ตั้งกองทรัสต์ DESCAP1 ลุยซื้อโรงแรม 4 ดาว ทุนจีนจ่อทุบราคา 50%

โรงแรมไทยมีปัญหาสภาพคล่องมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จากภาวะห้องพักล้นเกิน เมื่อเกิดโรคระบาดยิ่งเป็นตัวเร่ง ทำให้ธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะตลาดที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่มีรายได้เข้ามาร่วม 7 เดือนแล้ว จนสุดสายป่านต้องทะยอยตัดใจเสนอขายกิจการหรือทรัพย์สินออกไป หลังเห็นว่าวิกฤตจากโควิด-19 จะลากยาวไปอีกอย่างน้อย 2 ปี

 

ประกอบกับความหวังมาตรการช่วยเหลือจากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน) หรือข้อเสนอภาคธุรกิจท่องเที่ยว ให้รัฐตั้งกองทุน 1 แสนล้าน เพื่อมาร่วมลงทุนกิจการท่องเที่ยวที่มีปัญหา เพื่อประคองธุรกิจไปอีก 7 ปี เมื่อฟื้นตัวแล้วเปิดสิทธิให้เจ้าของเดิมซื้อคืนในอัตราผลตอบแทน1% ต่อปี ไม่มีสัญญาณตอบรับจากภาครัฐ ขณะที่กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติเห็นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ราคาถูก เพื่อนำมาฟื้นฟูกิจการ รอขายทำกำไรในอนาคต

วัลลภา ไตรโสรัส

AWC เตรียมหมื่นล.

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 100 ราย รวมถึงธุรกิจค้าปลีกอีก 5-6 โครงการ แต่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงแรม เข้ามาเสนอขายโรงแรมและที่ดินเปล่าให้แก่ AWC จึงกำลังหาช่องทางจะร่วมกับ ไพรเวทฟันด์ สถาบันการเงิน ในการจัดตั้งกองทุนเข้ามาซื้อกิจการ และ AWC จะเป็นผู้บริหารจัดการ โดยมองใน 2 เรื่อง คือ

 

1.นำมาพัฒนาเพื่อขายต่อ โดยเจ้าของเดิมก็อาจกลับมาซื้อได้ในราคาขายหลังการปรับปรุง

 

2.นำมาปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดรับกับกลยุทธของ AWC ที่เน้นพัฒนาโรงแรมระดับกลางถึงบน ซึ่งถ้าไปในทิศทางเดียวกัน AWC ก็อาจไปซื้อหรือทาง ทีซีซี กรุ๊ป ก็อาจจะรับไปในบางโครงการหากเราปฏิเสธก็ได้

 

การ ตั้งกองทุน ไม่ใช่แค่เรื่องโอกาสทางธุรกิจเท่านั้น แต่ถือว่าช่วยต่อลมหายใจธุรกิจโรงแรม ฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะยาวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ กองทุนที่จะตั้งขึ้นอยู่ในหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นคนละตลาดกับกองทุนของต่างชาติ

 

ด้าน บล.บัวหลวง ระบุว่าผู้บริหารของ AWC ยืนยันถึงแผนการโตแบบ Inorganic ด้วยการซื้อกิจการ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 เปิดโอกาสให้เกิดการซื้อกิจการเพิ่ม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาดีลโรงแรมราว 100 ดีล ซึ่งบริษัทตั้งงบประมาณ ซื้อกิจการเอาไว้ 5 หมื่นล้านบาทในระยะยาว

 

ทุนจีนกดราคา50%

 

นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG และนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการโรงแรมล้มหายตายจากไปจำนวนมากจากสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 และกลับมาฟื้นยาก เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดยังไม่แน่ชัดว่าจะจบเมื่อไหร่ โดยกิจการโรงแรมไทยมีถึง 100,000 ห้อง ไปต่อได้ยาก หากไม่สามารถปรับตัวสู่กิจการที่ยังพอทำรายได้ เช่น ปรับไปรองรับกลุ่มผู้สูงอายุชาวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล ที่ออกวีซ่าประเภทพิเศษ(STV) ทำให้มีเจ้าของโรงแรมหลายรายเข้ามาเสนอขายโรงแรมให้ อยู่ระหว่างการพิจารณา

 

ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักลงทุนชาวจีนจำนวนมาก แสดงความสนใจจะเข้ามาซื้อทรัพย์สินในเมืองไทยรวมทั้งโรงแรม หากราคาถูกลงมาถึง 50 % และไทยเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าประเทศได้แล้ว

 

ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด ที่ปรึกษาอสังหา ริมทรัพย์ กล่าวว่าผลกระทบโควิดทำให้เจ้าของโรงแรมหลายแห่งติดต่อ ขายโรงแรม ผ่านทางบริษัทฯ โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต รวมทั้งในกรุงเทพฯ โดยมีราคาเสนอขายเฉลี่ยถูกลงจากมูลค่าปกติประมาณ 30% โดยขณะนี้เริ่มมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันบ้างแล้ว

เจมส์ แคปแลน

ตั้งกองทรัสต์ลุย


ด้านนายเจมส์ แคปแลน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล พีทีอี จำกัด (Destination Capital PTE. LTD.-DC) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST SEC ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน เดสแคป วัน (DESCAP 1 Private Equity Trust)เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

โดยจะมองหาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา สร้างผลตอบแทนได้สูงหลังจากได้รับการปรับปรุง และปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสม ตามกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ โดยจะเลือกโรงแรมและรีสอร์ทขนาดระหว่าง 150 -250 ห้อง ในทำเลชั้นดี ที่ตั้งอยู่ในหัวเมืองใหญ่และจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งตั้งเป้าหมายทยอยซื้อโรงแรมเข้าพอร์ตจำนวนไม่เกิน 8 แห่งภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า

 

ทั้งนี้ จะโฟกัสโรงแรมในระดับ 4 ดาว และเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว 4 เมืองหลัก คือกรุงเทพฯ พัทยา (ชลบุรี) หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) และภูเก็ต หากได้รับการตอบรับที่ดีบริษัทก็พร้อมที่จะจัดตั้งกองทุน DESCAP2 Private Equity Trust มาดำเนินงานต่อไปอีก

 

สำหรับทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน เดสแคป วัน มีขนาดสินทรัพย์เป้าหมายในการระดมทุนอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 5 ปี และสามารถขยายระยะเวลาการลงทุน ได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี เพื่อให้สร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 15% ต่อปี

 

ฟื้นฟูรอขายทำกำไร

ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงราว 40 ล้านคน และคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านคนในปี 2563 นี้ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งสำหรับการฟื้นตัวจากโรคระบาดเชื้อโควิด-19 คาดกลับ สู่ภาวะปกติได้ในเวลาประมาณ 3-4 ปี สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของเรา ที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ประมาณ 5-7 ปี เมื่อเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น เจ้าของเดิมมีความพร้อมที่จะซื้อคืน เราก็พร้อมขายกลับให้เจ้าของเดิมไปบริหารต่อหรือขายให้กองทรัสต์ หรือบริษัทพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ต่อไปก็ได้ 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทายาทเจ้าสัวเจริญ ดัน AWC ตั้งกองทุนหมื่นล.ช้อนซื้อโรงแรม ต่อยอดธุรกิจ
ทายาทเจ้าสัวเจริญ ดัน AWC เปิดโรงแรมบันยันทรี กระบี่ ลงทุน 2พันล้านบาท
ทายาทเจ้าสัวเจริญ ดันมิกซ์ยูส AWC ดึง แมริออท บริหาร 4 โรงแรมใหม่
เดซติเนชั่น แคปปิตอล ประกาศ เทคโอเวอร์โรงแรมไทย