ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ธ.ค.62) นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ส่งจดหมายถึง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมสำเนาถึงรัฐบาล อาทิ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา , นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทยและนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการสะท้อนถึงนโยบายและมาตรการของรัฐบาลต่อ Airbnb โดยมีเนื้อหาระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น นโยบายของประเทศไทยควรได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการเป็นผู้นำในด้านการท่องเที่ยวของโลก บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ทำงานร่วมกับหลากหลายหน่วยงานของรัฐบาลเป็นเวลานานหลายปี เพื่อที่จะผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวต่อไป
จากการรายงานข่าวของแหล่งข่าวต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ในประเด็นด้านความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ธนาคารออมสิน และ Airbnb เพื่อชี้ชวนและฝึกอบรมผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจโฮมสเตย์ให้เข้าสู่ระบบของ Airbnb สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเด็นเรื่องการให้เช่าที่อยู่อาศัยรายวันและวิธีการดำเนินธุรกิจของ Airbnb ยังไม่มีข้อสรุปทางกฏหมายที่ชัดเจน ดังนั้นความร่วมมือเหล่านี้อาจส่งสัญญาณที่ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อข้อสรุปดังกล่าว
แม้ว่าความร่วมมือดังกล่าวในการผลักดันและพัฒนาประสิทธิภาพของผู้ประกอบการโฮมสเตย์จะสร้างประโยชน์ที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล แต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายวิธีอื่นๆ ที่จะสามารถช่วยพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผมคิดว่าการปกป้องผลประโยชน์และความปลอดภัยของเจ้าของที่อยู่อาศัยเอกชน นักท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย ควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่รัฐบาลควรคำนึง
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ฯ ยังระบุอีกว่า ผมใคร่ขอสรุปประเด็นสำคัญหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Airbnb ดังนี้ การที่ Airbnb ดำเนินกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัยรายวันทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และไม่มีการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันไฟไหม้ ความปลอดภัย รวมถึงมาตรการอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพักอาศัยเฉกเช่นเดียวกับผู้ประกอบการโรงแรม
ส่งผลให้เจ้าของร่วมและผู้ประกอบการโรงแรมเสียหายและเสียเปรียบ ทั้งนี้ประเทศญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สิงคโปร์ และอีกหลายรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการออกกฏหมายบังคับใช้สำหรับควบคุมการดำเนินกิจการของ Airbnb แล้ว อีกทั้งในเดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทางสมาคมธุรกิจโรงแรมในประเทศฝรั่งเศสได้มีการประท้วงต่อต้านความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และ Airbnb ในการจัดงาน Paris 2024 Summer Olympics Games ซึ่งกลุ่มธุรกิจโรงแรมในประเทศฝรั่งเศสได้มีการเคลื่อนไหว เพื่อต่อต้าน Airbnb มาเป็นระยะเวลานาน
โดยกล่าวว่า Airbnb คุกคามการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม โดยการให้เช่าที่อยู่อาศัยในลักษณะดังกล่าวโดยปราศจากการควบคุมที่เป็นระบบระเบียบจากทางภาครัฐ ถือเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม สำหรับประเทศไทยเองนั้นก็ยังไม่มีมาตรการจากทางรัฐบาลในการปกป้องสาธารณประโยชน์ นักลงทุนในอุตสาหกรรมการโรงแรม และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความไม่ชัดเจนในการเสียภาษีของ Airbnb จากรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในขณะที่ผู้ประกอบการโรงแรมที่จดทะเบียนต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการท่องเที่ยว ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของการท่องเที่ยวต่อไป แต่ Airbnb ก็ได้รับค่านายหน้าเมื่อมีการเช่าห้องพัก มีข้อสันนิษฐานจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง สื่อ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และงานวิจัยการศึกษา ที่บ่งชี้ว่ากรมสรรพากรไม่มีการจัดเก็บภาษีจากนายหน้าเหล่านี้ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาของประเทศ
ประเด็นข้างต้นที่กล่าวมาเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยซึ่งอาจบั่นทอนระบบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศอย่างยิ่ง ในขณะที่ประเด็นเหล่านี้ยังไม่รับการแก้ไข ความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานรัฐบาลกับ Airbnb จะเป็นการส่งสัญญาณบ่งบอกข้อความที่ไม่ถูกต้องต่อประชาชนชาวไทยและสาธารณชนโลก และเปรียบเสมือนความเห็นชอบจากผู้กำหนดนโยบายที่มีต่อแนวทางปฏิบัติของบริษัทที่ดำเนินกิจกรรมเหล่านี้
ดังนั้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จึงขอเรียกร้องรัฐบาลให้กำหนดนโยบายในเชิงรุกและสอดคล้องสำหรับการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างเวทีการแข่งขันที่มีความเสมอภาคในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ และเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากการกระทำทางการค้าของ Airbnb ที่เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
อุปสรรคและปัญหาต่างๆ ในการควบคุม ดูแล และตรวจสอบการให้เช่าที่อยู่อาศัยรายวัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย หากมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ ประเด็นนี้จึงมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ กฏระเบียบ ข้อบังคับต่างๆที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการของ Airbnb และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยผู้ประกอบการธุรกิจโฮมสเตย์ควรได้รับการตรวจสอบมาตราฐานด้านความปลอดภัยการจ่ายภาษีและข้อบังคับอื่นๆ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม