"หมอทวีศิลป์" จากเด็กสู้ชีวิต "คนเลี้ยงหมู" สู่ "โฆษกศบค."

09 ม.ค. 2564 | 02:44 น.

รายงานพิเศษ : "หมอทวีศิลป์" จากเด็กสู้ชีวิต "คนเลี้ยงหมู" สู่ "โฆษกศบค."

#Saveหมอทวีศิลป์ กลายเป็นแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมในทวิตเตอร์ ส่งกำลังใจให้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. ที่เจ้าตัว ใช้เวลาในการแถลงข่าวของศบค. เปิดใจเป็นเวลารวม 8 นาที ถึงกรณีถูกโจมตีถ้อยคำที่แถลง การทำงาน และลากโยงไปถึงครอบครัว  

 

แต่มีใครเคยรู้บ้างว่า “โฆษกศบค.” ที่ชื่อหมอทวีศิลป์คนนี้ มีเส้นทางชีวิตอย่างไร ทำไมถึงอึด อดทนกับแรงปะทะในภาวะวิกฤติของประเทศได้มากขนาดนี้ นั่นเพราะชีวิตของเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันนี้ เจออุปสรรค ขวากนาม มากมาย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. ในการแถลงข่าวของศบค.ทุกวัน

"ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมข้อมูล ประวัติชีวิต คร่าวๆของ “หมอศิลป์ หรือ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ที่กว่าจะมาเป็นโฆษก ศบค. ในวันนี้ ไว้ดังนี้ 

 

ภูมิลำเนาของหมอทวีศิลป์ เดิมทีอยู่ที่เมืองโคราช กับครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำราย มีอาชีพค้าขาย เปิดร้านโชวห่วย อยู่หน้าตลาดเทศบาล 2 

 

วัยเด็กของ "ด.ช.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน" หรือชื่อเล่น “ศิลป์” ต้องช่วยพ่อแม่ขายของทุกวัน วันหนึ่งชีวิตเกิดหักเห เมื่อคุณพ่อประสบอุบัติเหตุต้องขาพิการ ครอบครัวต้องพลิกชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยอยู่ที่ตลาด ก็ต้องย้ายออกมาอยู่นอกเมือง บนที่ดินที่พ่อสะสมเงินซื้อไว้แถวชานเมืองโคราช เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ริมทางรถไฟถนนมิตรภาพ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ 

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในขณะเข้าร่วมประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

กำลังหลักในครอบครัวเปลี่ยนมือจากพ่อแม่ กลายเป็นแม่และลูก 5 คน คนโตชื่อ ทวีศักดิ์ ต่อมาคือ ทวีศิลป์ คนกลางชื่อ ทวีชัย ถัดไปชื่อ ทวีโชค และน้องคนเล็ก รวีวรรณ เป็นผู้หญิงคนเดียวทั้ง 5 คน เป็นกำลังเสริมให้กับแม่ 

 

โดยมีด.ช.ทวีศิลป์ลูกคนที่ 2 ต้องเลี้ยงหมูขาย วิดบ่อหาปลาแถวนั้นเพื่อนำไปขาย ขายก๋วยเตี๋ยว ขายของทุกอย่าง ที่ขายได้ ทำขนมผิง พับถุง เพื่อประคองครอบครัว บางวันลำบากถึงขนาดไม่มีข้าวจะกรอกหม้อ ไม่มีอะไรให้หมูกิน ด.ช.ทวีศิลป์ต้องเดินไปขอ “น้ำข้าว” ตามบ้านมาเลี้ยงหมูจากบ้านไปโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา

 

ต้องนั่งสามล้อนั่งไปกลับ ต้องเก็บผักตบชวามาซอยผสมรำข้าวกับน้ำข้าว โดยมีช่วยพ่อหาฟืนจากญาติที่ทำเฟอร์นิเจอร์ นำขี้เลื่อยจากเศษไม้เป็นฟืนต้มข้าวหมู 

เมื่อเข้าวัยมัธยม ชะตาชีวิตยังไม่ปิดกั้น ได้เรียนต่อที่โรงเรียนบุญวัฒนา  ในความลำบากยังมีความฝันของพ่อแม่ ที่ตั้งใจอยากให้ ด.ช.ทวีศิลป์และลูกๆ โตมาขึ้นมามีอาชีพเป็นหมอ เพราะเชื่อว่า "เราจะเปลี่ยนแปลงความทุกข์ยากของเราได้ ก็คือ การได้เป็นหมอ ได้เรียนดีๆ" ความฝันของพ่อแม่ดูจะสวนทางกับความคิดของลูกชายที่รู้ตัวเองดีกว่าไม่ได้เป็นคนหัวดี และความจริงที่ถันดและชอบคือด้านศิลปะ เพราะเคยประกวดได้เงินรางวัล

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ทำหน้าที่โฆษก ศบค. ในการประชุมวงเล็กกับนายกรัฐมนตรีและทีมที่ปรึกษา

จบมัธยมอันดับคะแนนอยู่ต้นๆของสายวิทย์-คณิต และสอบติด “จิตแพทย์” โควต้าแพทย์ชนบท ที่คณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น พอเรียนจบแพทย์ปี 6 เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลจิตเวช นครราชสีมา มองเห็นแล้วว่าไม่ค่อยมีคนสนใจเข้ามาเป็นจิตแพทย์ และโชคดีว่าที่โคราชบ้านเกิดมีตำแหน่งให้ลงพอดี 

 

แต่ละวันต้องอยู่กับคนไข้ที่มาปรึกษาปัญหาทางจิตมีหลากหลาย ทั้งวิตกกังวล ความเครียด บ้างก็มาแบบหลงลืมตัว  หมดสติ อาละวาด คลุ้มคลั่ง ทำร้ายตัวเอง กินยาฆ่าตัวตาย 

 

หลังจากนั้นก็ได้เข้าเรียนที่ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (ปัจจุบันชื่อ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา) และได้เข้าทำงานที่นี่ และทำหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ควบคู่กันไป จนปี 2537 ก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเพิ่มเติมด้านจิตเวชที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทางด้านประสาทจิตเวชศาสตร์ 

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ก่อนแถลงข่าวของศบค. จะมีการประชุมเตรียมข้อมูลกับทีมงานทุกครั้ง

แต่จุดพลิกผันเป็นช่วงที่อยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ทำหน้าที่ตอบคำถามเรื่องจิตเวชผ่านสื่อต่างๆ ดูแลงานด้านวิชาการ ทำให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จนกลายเป็นผู้ตอบคำถามทั้งหลายให้กับทางกรมสุขภาพจิต จนกระทั่งปี 2546 - 47 

ขณะที่เป็นนายแพทย์ระดับ 8 ได้รับโอกาสเข้ามาทำงานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากการเป็นโฆษกกรมสุขภาพจิต แล้วขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตและสังคม พร้อมดำรงตำแหน่งโฆษกกระทรวงสาธารณะสุข จนก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในนาม โฆษกศบค. ในตอนนี้ 
อดีตของ น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ขณะทำงานในรถพยาบาล โดยมีพี่ชาย(เสื้อชมพู) อยู่ข้างๆ และผู้ที่หยิบชื่อของ นายแพทย์ทวีศิลป์ ขึ้นมาเป็นโฆษกศบค. คือ บิ๊กตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ที่มองเห็นความสามารถศักยภาพเมื่อเทียบกับหลายชื่อที่ถูกเสนอชื่อเข้ามา

 

ปัจจุบัน นพ.ทวีศิลป์ ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ถือว่าเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คลิป "หมอทวีศิลป์" เปิดใจ หลังโซเชียลถล่มปม "หมอชนะ"

แฮชแท็ก #Saveหมอทวีศิลป์ ส่งกำลังใจ หลังโดนโซเชียลถล่ม

ความในใจ "หมอทวีศิลป์" วอนคนทั้งชาติ “ละทิ้งความขัดแย้ง” สู้โควิด (คลิป)