นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.2564 มีมูลค่า 24,222.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกที่ทำมูลค่าได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัว 8.47% เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 28 เดือนนับจากเดือนพ.ย.2561 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,511.65 ล้านดอลลาร์หรัฐ เพิ่ม 14.12% เกินดุลการค้า 710.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาพรวมการส่งออกไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 64,148.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.27 การนำเข้า มีมูลค่า 63,632.37 เพิ่มขึ้น 9.37% เกินดุลการค้า 515.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แนวโน้มการส่งออกยังคงมีทิศทางขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น กองทุนการเงินระหว่างระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2564 ว่าจะขยายตัว 6.0% จากเดิม 5.5% เนื่องจากได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดของสหรัฐฯ และการเร่งแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลก และยังคาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยจะปรับตัวดีขึ้น เช่น สหรัฐฯ เพิ่ม 6.4% จีน เพิ่ม 8.4% ญี่ปุ่น เพิ่ม 3.3% และประเทศในทวีปยุโรป เพิ่ม 4.4% ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลก (Global Manufacturing PMI) ปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 55.0 สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคและความต้องการนำเข้าสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน
“สนค.ประเมินการส่งออกยังดีอยู่ จะเพิ่มมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามดู แต่เท่าที่ประเมิน น่าจะเป็นบวกได้ต่อเนื่อง และตัวเลขทั้งปี น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4% เพราะถ้าส่งออกได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 19,624 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะโต 4% ถ้าเฉลี่ย 20,134 ล้านดอลลาร์ จะโต 6% และ 20,391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะโต 7% แต่จะปรับเป้าส่งออกหรือไม่ ต้องเป็นระดับนโยบาย ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะหารือร่วมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ เพื่อประเมินก่อน แล้วนำมาประมวลผลอีกทีว่าจะปรับเป็นเท่าไร อย่างไร แต่ถ้าดูหลายๆ หน่วยงาน ตอนนี้ แบงก์ชาติและสภาพัฒน์ ก็ได้มีการปรับเป้าหมายการส่งออกแล้ว”