นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า กรมเตรียมเดินหน้าเจรจากับประเทศคู่ค้าในกรอบความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ใน 3 กรอบ เพื่อขอให้มีการลดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมให้กับสินค้าประมงของไทย รวมไปถึงการเจรจาลดปัญหาอุปสรรคทางการค้า เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นได้เริ่มมีการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่แล้ว ทั้งนี้เป็นผลจากที่กรมได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และหารือร่วมกับผู้ประกอบการกระชังเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีมูลค่าสูงเช่น กุ้งมังกรเจ็ดสี ปลาช่อนทะเล (ปลาแซลมอล ดำ Black Salmon) และหอยมุก พบว่าเป็นสินค้าที่มีอนาคตเหมาะกับการเจาะตลาดกลุ่มเฉพาะ(นิชมาร์เก็ต)ที่มีกำลังซื้อสูง เช่น จีน ยุโรป ญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับกรอบเอฟทีเอเบื้องต้นที่กรมฯจะเดินหน้าเจรจาขอให้ลดภาษีเพิ่มเติมให้สินค้าประมงของไทย ได้แก่ เอฟทีเอในกรอบอาเซียน-อินเดีย ที่ปัจจุบันพบว่า การนำเข้าสินค้าประมงและผลิตภัณฑ์ของอินเดียยังเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 30% เอฟทีเออาเซียน-เกาหลีใต้ ที่การนำเข้าสินค้าทูน่าของเกาหลีใต้ยังเก็บภาษี 5% และข้อตกลงเอฟทีเออาเซียน-ญี่ปุ่น เช่น ปลา ปลาแซลมอน ยังเสียภาษีนำเข้า 3.5% กรมฯจะเดินหน้าในการเจรจากับทั้ง 3 ประเทศ เพื่อให้การส่งออกสินค้าประมงที่มีศักยภาพของไทยสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้น
“การส่งออกสินค้าประมงไทยไปในตลาดโลกในปีที่ผ่านมา เป็นอันดับที่ 11 ของโลก มูลค่าการส่งออก 5.72 หมื่นล้านบาท ตลาดสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น จีน อาเซียน และสหรัฐฯ ทั้งนี้ประเทศอื่นเช่น จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ได้ลดภาษี 0% แล้ว หากเจรจาลดภาษีได้ เชื่อว่าการส่งออกไปตลาดข้างต้นจะเพิ่มขึ้น ทั้งจะมีการเจรจาลดปัญหาอุปสรรคการค้าที่มีอยู่ระหว่างกันด้วย”