นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการโคนมของไทยเป็นโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี61ที่ประสบความสำเร็จในการการส่งออกนมยูเอสที นมอัดเม็ด ไอศกรีม และโยเกิร์ต ไปตลาดคู่ค้าเอฟทีเอ โดยเฉพาะจีน และอาเซียน (สิงคโปร์ กัมพูชา เมียนมาร์)ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเตรียมความพร้อมเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เพื่อให้อุตสาหกรรมโคนมและนมโคแปรรูปของไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพในตลาดโลก และพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์นมโคในภูมิภาค
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จัดโครงการอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคและนมโคแปรรูปสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 81 รายโดยจะเน้นในเรื่องการเสริมแกร่งเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี เพื่อเข้าสู่ตลาดประเทศคู่ค้าเอฟทีเอของไทย กฎระเบียบทางการค้ามาตรฐานสินค้าและสถานประกอบการ โลจิสติกส์ การเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์ ได้รับคำปรึกษาเชิงลึก (Coaching) โดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการการทำตลาด การออกแบบบรรจุภัณฑ์ มาตรฐานโรงงานแปรรูป โครงสร้างราคา และร่วมสำรวจโอกาสทางการค้าของตลาดสินค้านมโคและนมโคแปรรูป และสร้างเครือข่ายธุรกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งกรมฯ เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนาองค์ความรู้ที่สำคัญต่างๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การต่อยอดด้วยนวัตกรรม พฤติกรรมผู้บริโภค และการจับคู่ธุรกิจในตลาดสำคัญต่างๆ ขณะเดียวกันจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เอฟทีเอเป็นเครื่องมือในการขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งผลสำเร็จของโครงการจะช่วยขยายตลาดให้กับน้ำนมดิบของไทย และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนแก่เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) ไทยส่งออกสินค้านมโคและนมโคแปรรูปไปตลาดโลก 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นมพร้อมดื่ม UHT นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และนมจืด ตลาดส่งออกหลักคือ อาเซียน (กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สปป.ลาว และสิงคโปร์) 82.7% จีน 5.4% และฮ่องกง 3.4% ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าเอฟทีเอของไทยที่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและนมโคแปรรูปให้ไทยแล้ว ทั้งนี้ ไทยจึงมีความได้เปรียบในการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านจากทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กันและประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน จึงเป็นโอกาสทางการค้าของผู้ประกอบการไทย