เริ่มแล้วพรุ่งนี้มีไข่เกิน 1 แสนฟอง/วัน ต้องแจ้ง

แหล่งข่าววงการค้าไข่ไก่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 11 พ.ศ. 2563 ให้ผู้ประกอบการที่เป็นฟาร์มไก่ไข่ ผู้รวบรวม ผู้ค้าส่ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ที่ครอบครองไข่ไก่สดที่มีปริมาณวันละ 1 แสนฟองขึ้นไปต้องแจ้งเป็นประจำทุกวัน ภายในเวลา 12.00 น.ของวันถัดไป ซึ่งสภาพความจริงในการซื้อขายพอไข่ไก่ออกจากฟาร์มก็กระจายไปหมดแล้ว โดยเฉพาะในช่วงนี้ เพราะผู้ค้าไม่มีห้องเย็น ดังนั้นเรื่องการกักตุนไข่ไก่เพื่อเก็งกำไรไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นมองว่ายากในการปฏิบัติ หรือถ้ารอแจ้งกระทรวงพาณิชย์ไข่ไก่ก็ไม่ต้องขายแล้ว

ด้านนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ส่งสารผ่านแอพพลิเคชันไลน์ ว่าในช่วงนี้อากาศร้อนมากเพราะเข้าเดือนเมษายน บางทีอากาศอย่างนี้ทำให้เราลืมเรื่องโรคระบาด Covid- 19 ไปได้บ้างเพราะเชื้อไวรัสกับความร้อนมันไม่ถูกกัน คิดว่ามันน่าจะผ่านไปก่อนเข้าฤดูฝน ก็จะเป็นอะไรที่ดีสำหรับคนไทย และต้องขอเอาใจช่วยท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นแม่ทัพกล้าคิดตัดสินใจได้เสียเพื่อกำจัดโรคนี้ด้วยความแน่วแน่ พวกเราคนไทยไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนคนที่ชอบหรือไม่ชอบท่านต้องให้กำลังใจไม่รู้สึกว่าเราแบ่งแยกกัน แล้วเราจะชนะไปด้วยกัน 

ส่วนวันสองวันนี้มีคลิปเกี่ยวกับวงการไก่ไข่มาเพิ่มเติมลงลึกมากๆ บางเรื่องผมเองรู้มานานแล้วบางเรื่องน่าสนใจติดตามมีคนส่งมาให้ชมมีชื่อและไม่มีชื่อ บางคนว่ากำนันคนดังภาคตะวันออกก็น่าจะเป็นผม ผมมาคิดดูถ้าเป็นเรา เราเป็นบุคคลสาธารณะมีที่มาที่ไปมีวาระย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้และต้องรับฟังเหตุและผลนั้นๆ และต้องทบทวนตัวเองว่าเป็นอย่างที่โดนกล่าวอ้างหรือไม่

“เชิญเลยวิพากษ์ให้เต็มที่คำว่าภาคตะวันออกมีหลายจังหวัดและผมก็ไม่ใช่คนมีอิทธิพลอะไร ผมมารอบนี้ เกือบ 2 ปีแล้วหลังจากไม่มีตำแหน่งนายก 5-6 ปีถามว่าช่วงนั้นคนเลี้ยงไก่แทบล้มละลายไข่ล้นตลาดขายไม่ได้ที่ขายได้ถูกกดราคาจากพ่อค้าบางครั้งเหลือ 1.20 - 1.40 บาท/ฟอง ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว จะให้ผมอยู่เฉยได้อย่างไร ผมเป็นคนเลี้ยงต้องบากหน้าไปทุกที่ที่จะไปได้ขอร้องเอาความจริงมาดูกันปรากฏว่าขณะนั้น ปี 2560-2561 มีไก่ไข่ยืนกรงเกือบ 70 ล้านตัว คนไทยกินไข่ต่อคนต่อปี ที่ 220-240 ฟอง"

แต่เอาตามตัวเลขไก่ยืนกรงคนไทยต้องกินไข่ต่อคนต่อปี เกือบคนละฟองต่อวัน เกินจากการปล่อยให้มือใครยาวสาวได้สาวเอาครอบครองพันธ์ุไว้ในมือตัวเองโดยไม่ดูภาพรวมว่าการบริโภคจะรองรับได้แค่ไหนจึงมีที่มาของความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ไปขอร้องทางกรมปศุสัตว์ให้ช่วยให้เกิดการยอมรับและให้ความเป็นธรรมกับผู้เลี้ยงด้วยเพราะเลี้ยงที่มีหน้าเดียวคือเลี้ยงไก่เพียงเดียวไม่มีพันธ์ุสัตว์ ไม่มีโรงอาหารทำไม่ครบวงจร เมื่อไข่ราคาถูกขาดทุนจะให้งอมืองอเท้าอย่างนั้นหรือ ราชการต้องพยายามรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่

กว่าจะมาถึงกันนี้ใช่ว่าจะมีหลักประกันว่าไข่จะไม่ถูกอีกขาดทุนอีกเช่นหลังจากร่วมมือกันจากทุกฝ่ายแล้วช่วงหลังกินเจเดือน ตุลาคม ปีที่แล้วราคาร่วงลงมาจาก 2.90-3.00 บาทต่อฟองลงมาถึง 2.30 - 2.50 ต่อฟอง ยิ่งไข่เล็กราคายิ่งถูกกดราคาไม่ถึง 2.00 บาทต่อฟอง คนเลี้ยงคนค้ารู้ดี คนในวงการรู้ดี มามีการกล่าวหากันเรื่องนี้เอาถึงเรียกว่าปล้นชาติมันมากไปพูดต้องมีข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน

"ผมทำตามหน้าที่คนเลี้ยง เขาเลือกผมมาอยากถามว่าเกษตรกรทั่วไปในเมืองไทยประเภทไหนอยู่สุขสบายบ้าง ถ้าดีมีอยู่จริงนโยบายรัฐบาลทุกยุคคงไม่ต้องหาเสียงกับเกษตรกรประกันราคาประกันรายได้ มาประกันทำไม พวกเกษตรกรมันรวยมีรายได้ดีไม่ต้องมาช่วยแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ถูกกดขี่ข่มเหงเอาเปรียบเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง"

สำหรับกรณีนายกภาคใต้ผมขอแสดงความคิดเห็นนิดเดียว คือท่านมีข้อจำกัดเยอะ มีใครรู้บ้างว่าต้นทุนเลี้ยงภาคใต้เขาสูงกว่าภาคอื่นๆ อย่างอาหารสัตว์แพงกว่า กก.ละ ประมาณ 2.00 บาทต่อฟองมีใครไปดูแลช่วยเหลือเขา เขาย่อมมีสิทธิ์ทำทุกวิถีทางให้คนเลี้ยงที่นั่นอยู่ได้ แต่อาจล่วงล้ำก้ำเกินสิทธิ์ของคนอื่นแบบไหนอย่างไร ถ้ามันเป็นเรื่องถูกต้องก็ต้องเห็นใจเขา ส่วนราชการอันนี้น่าเห็นใจมากจะต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ทำอะไรอยู่เฉยก็โดนกล่าวหาไม่คิดแก้ไขปัญหาให้คนเลี้ยงเข้าข้างรายใหญ่แล้วผลประโยชน์ที่ว่าจะมีใครที่ไหนมาให้ทั้งที่มันแย่กันหมด

ผมจึงไม่เชื่อน่ามีการให้ผลประโยชน์อะไร วงการนี้ทุกคนรู้ดีอยู่ว่าจะกล้าออกมาชี้แจงหรือไม่ ถ้ารองอธิบดีกรมปศุสัตว์ไม่ออกมาแก้ปัญหาคราวนั้น ป่านนี้คงมีแต่รายใหญ่ไม่มีพื้นที่ให้เกษตรกรระดับรากหญ้าได้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัว อย่ามองปัญหาเพียงด้านเดียววิจารณ์ได้ต้องมองให้รอบด้าน กรณีราชการเขามีระเบียบวินัยของราชการกำกับ ทำผิดถูกมีผู้บังคับบัญชาดูอยู่แล้วคงไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนที่ให้นโยบายมาแก้ปัญหากับประชาชนแล้วนึกอยากจะโยกย้ายตามอำเภอใจโดยไม่เป็นธรรมคงไม่มี แต่ถ้าไตร่สวนแล้วผิดถูกอย่างไรว่าไป ทำดีต้องได้ดี ทำไม่ดีต้องได้ตามนั้น

ถึงอย่างไรผมต้องขอบคุณผู้ที่ให้ความสำคัญกับวงการเราติติงว่ากล่าวเหมือนกระจกส่องให้เราได้เห็นประโยชน์ร่วมกันของสังคมแต่มองให้รอบด้านเหมือนเหรียญมีสองด้านเสมอ และต้องให้เกียรติผู้อื่นด้วยเพราะกล่าวหาผู้อื่นเขาเสียหายไปแล้วไม่มีโอกาสชี้แจงเหมือนผม ผมกล้าจะชี้แจงให้หายข้องใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนผมยินดีเสมอ

อนึ่ง ถ้ากำนันคนดังกล่าวไม่ใช่ผมขออภัยแต่ถ้าเป็นผมทำงานด้านนี้มากว่า 40 ปีครั้งนี้รู้สึกได้รับเกียรติอย่างยิ่ง ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ก็ต้องขอบคุณ