ไทยยูเนียนกางแผน5ปี รุกหนักปั้นรายได้อาหารสัตว์เลี้ยง

21 ก.พ. 2563 | 10:50 น.

ไทยยูเนี่ยน กางแผน 5 ปี เน้นทำกำไรมากกว่ายอดขาย รุกหนักตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง  กังวลตลาดในประเทศหลังนักท่องเที่ยวหด ขณะไวรัสโคโรนากระทบธุรกิจของเครือในจีนน้อย ชี้ปีนี้ยังมองไม่เห็นปัจจัยบวก

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยงอันดับหนึ่งของไทย เปิดเผยถึงแผนงานของบริษัทปี 2563 และแผน 5 ปีของบริษัทคาดจะมียอดขายขยายตัว 3-5% ต่อปี โดยจะเน้นการทำกำไรให้มากขึ้นและเน้นความยั่งยืน ส่วนแผน 5 ปีข้างหน้ามีแผนจะลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ,อาหารกุ้ง ธุรกิจน้ำมันปลาทูน่า ธุรกิจโปรตีนจากพืช คอลลาเจน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและมีโอกาสขยายตัวสูง

ไทยยูเนียนกางแผน5ปี รุกหนักปั้นรายได้อาหารสัตว์เลี้ยง

"ใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทจะไม่เน้นยอดขายแต่จะเน้นความสามารถในการสร้างกำไร การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตซึ่งจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2025(พ.ศ.2568) บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมธุรกิจที่บริษัทเข้าไปบริหารจัดการ"

 

นายธีรพงศ์ กล่าวอีกว่า การทำธุรกิจจากนี้จะมีความละเอียดมากขึ้น เพราะโลกวันนี้ไม่เหมือนเดิม ซึ่งการทำธุรกิจในปัจจุบันต้องคิดให้เร็ว ทำให้เล็กแต่ได้ผลกำไรดี รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ ต้องมีตลอดเวลา เพราะสินค้าแต่ละชนิดมีอายุสั้นลง ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิค-19 นั้น คาดน่าจะกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในจีนไม่ได้มีมาก แต่ที่น่ากังวลคือตลาดในประเทศที่จะมีผลกระทบเพราะนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยสัดส่วนรายได้ปี 2563 อยู่ที่ 12% ซึ่งถือว่าเป็นเป้าท้าทาย เพราะนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากและคาดว่าจะนาน ซึ่งบริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับปัจจัยบวกปีนี้แทบจะมองไม่เห็น ส่วนปัจจัยเสี่ยงเช่นอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังผันผวน ราคาวัตถุดิบ,เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ รวมถึงภัยธรรมชาติซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับผลประกอบการปี 2562 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 5,218 ล้านบาทเพิ่มขี้น 5% แต่ยอดขายลดลง 5.3% โดยมียอดขาย 126,270 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนปริมาณการขายเติบโต 1.9% โดยธุรกิจอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีปริมาณการขายโตขึ้น 12.8%และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าโตขึ้น 3.2%

ส่วนสัดส่วนของยอดขายตามภูมิภาค แบ่งเป็น ทวีปอเมริกา มีสัดส่วน 41% ยุโรป 28% ในประเทศ 12% และตลาดอื่นๆ เช่น เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ 18%