สํานักงบเบรก กันเงินหมื่นล. จ่ายคดี‘อัครา’

สำนักงบฯเบรกคลัง เสนอกันเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท หลังมีสัญญาณรัฐบาลแพ้คดีปิดเหมืองทอง อัครา ด้าน “อัครา” เปิดช่องรัฐเจรจาหาข้อยุติ 

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้สำนักงบประมาณกันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อสำรองไว้จ่ายค่าเสียหาย

ในคดีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ได้ยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ฟ้องร้องรัฐบาลไทย ใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 โดยไม่เป็นธรรม เนื่องจาก
คดีนี้ทางคณะทนายความแจ้งว่าโอกาสที่รัฐบาลไทยจะชนะคดีมีน้อย แต่สำนักงบประมาณเห็นว่าคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุดจึงไม่สามารถกันงบประมาณกรณีดังกล่าวได้

แหล่งข่าวจากบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากอนุญา โตตุลาการไต่สวนพยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลาอีกประมาณ 3-5 เดือน ในการพิจารณาคำตัดสิน โดยจะไม่มีการเปิดให้ยื่นอุทธรณ์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ทางบริษัทเห็นว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย ทางรัฐบาลหรือกระทรวงอุตสาหกรรม ควรเปิดให้มีการเจรจากันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนอนุญาโตตุลาการตัดสินคดีหรือเจรจาหลังจากที่ตัดสินคดีแล้วก็ได้ เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่นายสุริยะ เข้ามารับตำแหน่ง และบอกว่าจะเจรจากับทางบริษัทเพื่อให้ได้ข้อยุติ ซึ่งบริษัทได้ส่งหนังสือไปขอนัดเจรจาเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 แต่เรื่องก็เงียบเฉย และต่อมาในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมาก็ได้ส่งหนังสือขอนัดหารือไปอีก แต่ก็มีเพียงหนังสือตอบกลับมาว่า เป็นเรื่องที่อ่อนไหว และมีรายละเอียดจำนวนมาก ที่ต้องรวบรวมหรือต้องมีข้อมูลรอบด้าน และต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นแต่อย่างใด

“ที่ผ่านมาบริษัทต้องการเจรจากับภาครัฐให้ได้ข้อยุติ เพื่อที่บริษัทจะได้เปิดดำเนินงาน ประชาชนในพื้นที่จะได้มีงานทำ เพราะหากคดีตัดสินแล้วชนะ ทางบริษัทก็ไม่สบายใจ เนื่องจากดำเนินกิจการมา 15 ปีแล้ว”

ส่วนข้อพิพาทที่ยื่นฟ้องไปนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ก็มีความมั่นใจในหลักฐานที่จะสามารถชนะในคดีได้ เห็นได้จากกรณีที่บริษัทได้ประกันความเสี่ยงทางด้านการเมืองไว้กับบริษัทประกัน ซึ่งได้มีการตรวจสอบหลักฐานข้อมูลแล้ว ว่าการดำเนินงานของรัฐบาลในการปิดเหมืองทองคำเป็นการใช้เหตุผลทางการเมือง จากการใช้ม. 44 ขัดกับหลักกฎหมายสากล ทางบริษัทประกันจึงยอมจ่ายด้วยเงินชดเชยมูลค่ากว่า 82 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1,842 ล้านบาท ที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ดฯ เป็นผู้ถือกรมธรรม์

สำหรับมูลค่าความเสียหายจากการปิดเหมืองทองคำครั้งนี้ บริษัทได้เคยประเมินตามมูลค่าสินแร่ทองคำและสินแร่เงินที่เหลือตามอายุประทานบัตรไว้เกือบ 4 หมื่นล้านบาท

การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีการหารือแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากใกล้ถึงวันที่ 18-29 พฤศจิกายน 2562 ที่คณะอนุญาโตตุลาการ จะเริ่มการไต่สวนจากพยานต่างๆ เพื่อหาข้อเท็จจริง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รายงานแนวทางการดำเนินงาน 4 ข้อให้ที่ประชุมรับทราบ ประกอบด้วย 1.จ่ายเงินให้กับ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แล้วให้เลิกกิจการไป 2.ดำเนินการตามข้อเสนอของบริษัท อัครา ฯ ที่จะช่วยให้อาจไม่ต้องจ่ายเงิน 3.รอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการ แล้วปฏิบัติตาม และ 4.หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน โดยให้ชดเชยค่าเสียหาย แล้วให้ดำเนินกิจการต่อ แต่สุดท้ายการหารือไม่มีข้อยุติ เพราะรัฐมนตรีบางรายทักท้วงว่า เมื่อรัฐบาลสั่งปิดกิจการของเหมืองไปแล้ว ไม่เห็นควรที่จะให้มีการดำเนินกิจการต่อไป ดังนั้นควรหาแนวทางอื่น ซึ่งที่ประชุม ครม.ก็ยังไม่ได้มีข้อเสนอแนะว่าควรใช้แนวทางใด หรือข้อสรุปใดในเรื่องดังกล่าว

หน้า 1 ฉบับที่ 3,519 วันที่ 3 - 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562