สำเร็จ! 4 สหกรณ์ ผนึกชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย บุกทำเนียบร้องบิ๊กตู่ช่วย หลังโดน 2 สหกรณ์ “ท่าม่วง-โคนมพัทลุง” นำน้ำนมดิบภาคเหนือวิ่งลงใต้ ป่วนระบบ นมพื้นที่ล้น โดนตัดสิทธิ์-ปรับลดโควตาลง หวังเป็นคดีตัวอย่าง “นัยฤทธิ์” เดินหน้าเช็คบิลต่อ เตรียมแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานตำรวจในข้อหาแจ้งความเท็จ โดยเจตนาทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
"ฐานเศรษฐกิจ" ยังคงเกาะติดสถานการณ์นมโรงเรียนใต้ ยังจัดสรรพิ้นที่จำหน่ายในโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียนยังไม่ลงตัวเพียงภาคเดียว จาก 2 สหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด และสหกรณ์โคนมพัทลุง นำน้ำนมดิบจากภาคเหนือมาขอส่วนแบ่งด้วย ซึ่งก็ทำให้หลายสหกรณ์ไม่พอใจ เนื่องจากส่งผลทำให้น้ำนมดิบภาคใต้ล้น ลามเกษตรกรเดือดร้อน ได้ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมกับนำทัพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 300 คนเพื่อรอฟังคำตอบที่ทำเนียบรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และประธานสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า วันนี้ (วันที่ 14 พ.ค.62) พร้อมกับ 4 สหกรณ์ประกอบด้วย สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์),สหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด ,สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด และสหกรณ์โคนมนครปฐม จำกัด ผนึกชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบกว่า 300 คน มายืนถือป้ายกดดันข้อเรียกร้อง อ้างจัดสรรไม่เป็นธรรม
“มี 2 สหกรณ์โคนมพัทลุงและสหกรณ์โคนมท่าม่วง ใช้น้ำนมดิบจาก อ.ส.ค. เป็นพื้นที่กลุ่มภาคเหนือมายื่นสมัครเข้าร่วมโครงการนมโรงเรียน (ขณะที่น้ำนมดิบของตัวเองขายให้รายอื่นเข้าโครงการนมโรงเรียน) ซึ่งไม่ใช้น้ำนมดิบจากศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบหรือจากฟาร์มโคนมซึ่งไม่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เข้าร่วมโครงการในหมวดที่ 1 ข้อที่ 5.7 และไม่ได้แนบสัญญาซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและหนังสือรับรองการใช้น้ำนมโค”
นายนัยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าวนี้ส่งผลทำให้ สหกรณ์โคนมท่าม่วง โดนตัดสิทธิ์ ทำให้เหลือผู้เข้าสมัครโครงการ ลดเหลือ 18 รายจากทั้งหมด 19 ราย ขณะที่สหกรณ์โคนมพัทลุง โดนปรับลดสิทธิ์เหลือ 10 ตันเศษ ให้เฉพาะที่มีศูนย์น้ำนมดิบของตัวเองเท่านั้น จากเดิมที่ได้ 40 ตัน อย่างไรก็ดีจะเดินหน้าแจ้งความกับพนักงานตำรวจเพื่อให้เอาผิด 2 สหกรณ์นี้ทำให้ได้ความเสียหาย เสียเวลา ส่งทำให้ภาพลักษณ์นมโรงเรียนเสียหาย ทั้งที่เป็นโครงการที่ดี ที่ผ่านมาตนเองก็สนับสนุนนโยบายรัฐมนตรีมาโดยตลอด เพราะการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ช่วยเกษตรกรได้จริง ก็ต้องขอบคุณนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปฎิวัติอุตสาหกรรมนมโรงเรียนสำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน!! ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม