‘แม็คโคร’อุ้มโชวห่วย/ซัพพลายเออร์ ทุ่ม60ล้านจัดแคมเปญดูดกำลังซื้อ

07 มิ.ย. 2559 | 07:00 น.
"แม็คโคร" ทุ่ม 60 ล้านอัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อให้ร้านโชห่วย/ซัพพลายเออร์ คาดครึ่งปีหลังกำลังซื้อยังไม่ฟื้นเหตุจากภาวะเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติทั้งแล้ง และน้ำท่วม ขณะที่ "บิ๊กซี" เล็งเพิ่มพื้นที่ขายบิ๊กแพ็ค จับกลุ่มร้านอาหาร โชห่วย ครอบครัวใหญ่เพิ่มในสาขาที่มีศักยภาพ

นางอารีย์ วงศ์รัศมี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร "แม็คโคร" เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคโดยรวม ทำให้ล่าสุดบริษัทตัดสินใจจัดแคมเปญ "แม็คโครจัดให้" เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค และยอดขายของซัพพลายเออร์ และร้านโชห่วย ซึ่งทั้งสามกลุ่มคือเป็นลูกค้าสำคัญของแม็คโคร ซึ่งที่ผ่านมาต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั้งสิ้น

โดยแคมเปญนี้ใช้งบการตลาดทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2-3 เท่าตัว โดยมีซัพพลายเออร์จากบริษัทชั้นนำเข้าร่วมกว่า 30 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 5-6 ราย อาทิ ยูนิลีเวอร์ , พีแอนด์จี , เนสท์เล่ เป็นต้น มีร้านโชห่วยเข้าร่วมกว่า 6 หมื่นราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวนหลักพันราย แสดงให้เห็นว่าซัพพลายเออร์และร้านโชห่วยต่างให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

"ปีก่อนหน้านี้แม็คโครได้ทดลองจัดแคมเปญขึ้น แต่จำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ เพื่อเป็นการทดลองตลาด ซึ่งพบว่า ร้านโชห่วยบางร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น 20-40% ในช่วงเวลาที่มีการจัดแคมเปญ รวมถึงซัพพลายเออร์ก็มียอดขายเติบโตใกล้เคียงกัน และถือเป็นการช่วยระบายสต็อกให้กับเขาด้วย ทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ต่างชื่นชอบและต้องการให้แม็คโครจัดขึ้นอีกครั้ง โดยในปีนี้นอกจากจำนวนพันธมิตรที่เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น ยังมีสินค้าจำนวนมากถือเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการมาเลือกซื้อสินค้าราคาถูก โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะทำให้ซัพพลายเออร์และร้านโชห่วยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30%"

โดยการจัดงานครั้งหน้าคาดว่าจะมีจำนวนร้านโชห่วยเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 แสนราย จากกระแสตอบรับที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันแม็คโครมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 2.7-2.8 แสนร้านค้า โดยเป็นร้านโชห่วย 50-60% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มโฮเรก้า (ผู้ประกอบการกลุ่มโรงแรม,ร้านอาหาร,ภัตตาคารและแคทธอริ่ง) และอื่นๆ ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่า ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อย

โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ในครึ่งปีหลังยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ คือทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม เพราะต่างส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและมูดการจับจ่ายของผู้บริโภคด้วย
นางอารีย์ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตหันมาเพิ่มพื้นที่วางสินค้าแบบขายส่งหรือขายยกแพ็คมากขึ้น เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับร้านค้า ร้านโชห่วย แต่พบว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อแม็คโคร เพราะแม็คโครเองก็มีจุดแข็งที่สินค้าหลากหลายตอบโจกย์ได้ทุกกลุ่มเป้าหมายและมีฐานลูกค้าประจำจำนวนมาก ทำให้เชื่อมั่นว่า จะไม่สูญเสียลูกค้าไปให้กับคู่แข่ง

ด้านดร. ทรงศักดิ์ วิจัยธรรมฤทธิ์ ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร "บิ๊กซี" กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บิ๊กซีเพิ่มพื้นที่การขายแบบบิ๊กแพ็คมากขึ้นในสาขาที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องการซื้อสินค้าปริมาณมากในราคาประหยัด โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น นม , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป , เครื่องดื่ม , ขนมขบเคี้ยวและน้ำมันพืช เป็นต้น โดยลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ร้านค้าชุมชนและร้านอาหาร ที่ต้องการนำเสนอสินค้าราคาประหยัดจำนวนมากไปจำหน่ายให้กับลูกค้า หรือนำไปใช้ในครัวเรือน ร้านอาหาร ซึ่งแนวโน้มยอดขายสินค้าบิ๊กแพ็คนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559