กรมสบส.ทำยุทธศาสตร์ 10 ปี สร้างมาตรฐานบริการการแพทย์ไทย

24 พ.ค. 2559 | 07:59 น.
วันนี้ (24 พฤษภาคม 2559) นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับกลางของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จำนวน 60 คน ซึ่งจัดที่สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 6 จังหวัดชลบุรี โดยอบรมเป็นเวลา 5 สัปดาห์ เพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับกลางให้มีทักษะความรู้ ความเข้าใจบทบาทภารกิจของกรม และการบริหารจัดการ ซึ่งมีความสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกรมลงสู่ภาคปฏิบัติให้บรรลุผล พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงต่อไป

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าวว่า ขณะนี้กรมสบส.ได้เร่งทบทวนปรับบทบาททิศทางภารกิจของกรมฯ   และหน่วยงานในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การทำงาน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเริ่มในปี 2560-2569 เพื่อให้ตรงกับปัญหาและความต้องการของประชาชน สอดคล้องกับยุทศาสตร์ 20 ปี ประเทศไทยที่ขับเคลื่อนสู่สังคมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บนพื้นฐาน เศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะ 6 ประเด็นสาธารณสุขตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง อธิบดีฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ได้แก่ 1.การลดปัญหาวัยรุ่นในการตั้งครรภ์ ซึ่งมีอัตราร้อยละ 16.51 2.การสร้างความสูงให้เด็กไทย โดยเฉพาะนักกีฬาไทยเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ 3.การเร่งศึกษาวิจัยชีววิทยา-ศาสตร์ทางการแพทย์ เพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ 4.การพัฒนาเมดิคัลฮับ เพื่อให้ชาวต่างชาติมารับบริการ ดึงเศรษฐกิจรายได้เข้าประเทศ 5.การพัฒนาระบบบริการรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุซึ่งไทยจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นถึงร้อยละ 40  ของประชากร และ 6.การศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาสุขภาพคนไทย

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกรมสบส.ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพทั้งระบบ ซึ่งประกอบด้วยการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพการป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพและการสร้างความเข้มแข็งระบบสุขภาพภาคประชาชน ภายใต้กฎหมาย 5 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541, พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542, ระเบียบ อสม. พ.ศ.2554, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 และ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 โดยจะปรับเกณฑ์การประเมินผลตัวชี้วัดโครงการต่างๆ ให้ชัดเจน วัดผลที่สุขภาพประชาชนเป็นหลักว่าดีขึ้นอย่างไร นอกจากนี้จะเร่งพัฒนามาตรฐานสุขศาลาพระราชทานให้เป็นที่พึ่งของนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นศูนย์ส่งเสริมประชารัฐเพื่อชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล

ด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า เรื่องที่กรม สบส.จะเร่งปฏิรูปอีก 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การให้ความรู้สุขภาพแก่ประชาชนจะต้องเน้นเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริงเจ้าหน้าที่ของกรมฯจะต้องเป็นผู้ให้ความรู้สุขภาพด้วย 2.การแปลงเนื้อหาสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการให้ออกมาในรูปของพฤติกรรมเป็นทักษะที่เยาวชนต้องมี เช่น ทักษะการว่ายน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอดในภาวะฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วมฉับพลัน โดยจะดำเนินการเสริมทักษะด้วยหลักการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ และ3.การเฝ้าระวังแก้ไขความเชื่อ และให้ความรู้เชื่อมโยงกับ อสม.ทั้งหมดนี้จะดำเนินการเข้มข้นในตำบลจัดการสุขภาพ ซึ่งจะมีระบบการประเมินที่ตัวประชาชนว่าสุขภาพดีขึ้นย่างไร การป่วยลดลงมากน้อยเพียงใด