ไลก้ารีเทิร์นบุกหนักกล้องลักชัวรี ร่วมทุนบริษัทแม่ตั้งสาขาในไทย

01 พ.ค. 2559 | 02:00 น.
เอ-ลิส คอร์ปอเรทฯ ผนึก ไลก้า คาเมร่า เยอรมนี เตรียมเปิดบริษัท ไลก้า ไทยแลนด์ จำกัด หวังรุกตลาดกล้องซูเปอร์ลักชัวรี่ ปูพรมสยายปีกตลาดครบวงจรทั้งขยายสาขา สร้างแบรนด์อะแวร์เนส ผ่านกิจกรรม พร้อมหั่นราคาลง 10% กระตุ้นยอด ตั้งเป้าโกยยอดขาย 400 ล้านบาทใน 2 ปี

นายดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องถ่ายรูปแบรนด์ "ไลก้า" เปิดเผยว่า บริษัทได้รับสิทธิ์ในการนำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องถ่ายรูปแบรนด์ไลก้า (Leica) จากประเทศเยอรมนี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ในรูปแบบการร่วมทุนระหว่าง บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด และ ไลก้า คาเมร่า เยอรมนี โดยจะมีการก่อตั้งบริษัท ไลก้า ไทยแลนด์ จำกัด ร่วมกับบริษัทแม่ขึ้นโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการราว 1 ปี จึงจะสามารถเปิดดำเนินการได้

"ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศต่อจากฮ่องกง จีน และญี่ปุ่นที่มีรูปแบบของการร่วมทุนระหว่างตัวแทนและบริษัทแม่ในประเยอรมนี โดยปัจจุบันในส่วนของประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อตั้งบริษัทเพื่อรองรับการนำเข้าและจัดจำหน่าย โดยก่อนหน้านั้นภายหลังจากได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายบริษัทได้มีการปรับราคาเลนส์ลง 10% เท่ากับประเทศเยอรมนี ซึ่งสินค้าในร้านมีราคาตั้งแต่ 2.5 หมื่นบาท- 1 แสนบาท เพื่อสร้างการเติบโตและรองรับการแข่งขันในระยะยาว โดยก่อนหน้านี้ไลก้าในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ก็ได้มีการปรับลดราคาสินค้าลง 5-20% (ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า) เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย"

ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 2-3 แห่ง และจะให้ความสำคัญในการนำกลยุทธ์การพัฒนาไลก้า สโตร์ ให้เป็น One Stop Service เทียบเท่าไลก้า สโตร์ในต่างประเทศ ควบคู่กับการบริการ และมีผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในสโตร์ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิด ไลก้า ป๊อป อัพ สโตร์ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และสยาม ดิสคัฟเวอรี่ เป็นระยะเวลา 6 เดือน

ด้านช่องทางการจำหน่ายนอกจากสาขาหลักที่ศูนย์การค้าเกษร ยังมีการขยายเข้าไปจำหน่ายในช่องทางเพาเวอร์บาย 5 แห่งในย่านที่มีกำลังซื้อสูงในช่วงไตรมาส 3 นี้ก่อนจะเข้าไปจำหน่ายในพาวเวอร์มอลล์ต่อเนื่อง ขณะที่กลยุทธ์การตลาดจะให้ความสำคัญกับการสร้างกิจกรรมรูปแบบต่างๆและรวมกลุ่มแฟนที่ชื่นชอบในแบรนด์ไลก้า การเวิร์กช้อป พร้อมทั้งให้การสนับสนุนการจัดนิทรรศการผลงานของช่างภาพที่ใช้กล้องไลก้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบประมาณทางการตลาดในปีนี้ทั้งสิ้น 10 ล้านบาทและจะเพิ่มงบประมาณการทำตลาดขึ้นในปี 2560 เป็น 12-16 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในอีก 2 ปีข้างหน้าเติบโตเป็น 2 เท่าหรือ 400 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมรายได้ของบริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ในสิ้นปีนี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 800 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 600 ล้านบาท โดยมีแบรนด์สินค้าเครือ 7 แบรนด์ อาทิ JIMMY CHOO,VALENTINO,Chloe ,DISAYA เป็นต้น โดยมีรายได้หลักมาจากแบรนด์ VALENTINO และแบรนด์ DISAYA โดยมีแผนที่จะปรับภาพลักษณ์แบรนด์ DISAYA ครั้งใหญ่ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,153 วันที่ 1 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559