“โคราช”คุมเข้มโควิดมาจากจังหวัดควบคุมสูงสุดต้องรายตัวทันที

21 พ.ค. 2564 | 06:43 น.

“โคราช”มีมติออกข้อกำหนดควบคุมบุคคลที่เดินทางเข้าจังหวัด จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด “กทม.-นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ” ต้องรายงานตัวทันทีเมื่อเข้าพื้นที่

วันนี้ (21 พ.ค.2564) ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เรื่องมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด เนื่องจากการสอบสวนระบาดวิทยาพบส่วนหนึ่งเป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 
จึงเห็นควรอาศัยอำนาจตามความในข้อ 7 (1) ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา มีความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 84/2564 จึงกำหนดดังนี้

1.มาตรการสำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

1.1ให้บุคคลทั้งที่เป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ 2 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานีและ จังหวัดสมุทรปราการ และเป็นผู้ประสงค์จะเข้าพักอาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการดังนี้

1.1.1 รายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่อยู่อาศัยอยู่ภายใน 12 ชั่วโมง นับแต่เดินทางมาถึงจังหวัดนครราชสีมาหรือทราบหรือควรได้ทราบประกาศ

1.1.2 ให้ผู้นำชุมชน หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่รับรายงานตัวบุคคลตามข้อ 1.1 บันทึกรายละเอียดการเดินทางของบุคคลตามข้อ 1.1 ตามแบบรายงานแนบท้ายมาตรการนี้แล้ว โดยบุคคลตามข้อ 1.1 ต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริง แล้วนำส่งแบบรายงานไปยังเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หรือโรงพยาบาลของรัฐ ในพื้นที่ภายในวันที่ได้รับรายงานตัว หากได้รับรายงานตัวในช่วงกลางคืน ให้นำส่งแบบรายงานในวันรุ่งขึ้น

1.1.3 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทำการคัดกรองโรคของบุคคลตามข้อ 1.1 หากบุคคลดังกล่าวมีความเสี่ยงเช่นไปในสถานที่เสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วยแล้วให้ออกคำสั่งให้บุคคลนั้นกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อให้คำแนะนำ ติดตามสังเกตและบันทึกอาการทุกวัน เว้นแต่บุคคลนั้นได้รับการฉีดวัคซินป้องกันโรคครบ 2 เข็ม หรือได้รับการตรวจคัดกรองโรคโดยวิธี RT -PCR โดยมีผลการตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่นเข้ามาพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หากพบว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อขอความร่วมมือให้บุคคลดังกล่าวแยกตัวเองจากบุคคลอื่น พร้อมทั้งให้คำแนะนำเรื่องการสังเกตอาการป่วยร่วมกับให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม เช่น หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอมีไข้ เจ็บคอ หอบ เหนื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส ท้องเสีย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่ทันที

1.1.4 หากบุคคลตามข้อ 1.1 ที่ถูกสั่งให้กักตัวมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่อื่นนอกจังหวัดนครราชสีมาก่อนครบกำหนดกักตัว ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการวัดไข้และประเมินก่อนที่จะให้เดินทางหากพบว่ามีอาการไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียสหรือมีความเสี่ยงต่อการป่วยให้นำส่งโรงพยาบาลทันที

1. 1.5 หากผู้ต้องกักตัวไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อแล้วให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
 

1.3 ให้บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามข้อ 2 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบหรือไม่มีผลการตรวจคัดกรองโรคโดยวิธี RT-PCR โดยมีผลการตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าพัก ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรม อาพาร์ตเมนท์ รีสอร์ทในพื้นที่ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสถานที่พักคัดกรองอาการและวัดไข้ให้ผู้เข้าพักเมื่อแรกรับ และให้คัดกรองต่อเนื่องทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก

รวมทั้งบันทึกรายละเอียดการเดินทางตามแบบรายงานแนบท้ายมาตรการนี้ส่งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่เป็นที่ตั้งภายในวันที่บันทึกข้อมูลเพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลสำหรับตรวจติดตามโรคตามมาตรการควบคุมโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป หากพบบุคคลผู้เข้าพักมีอาการผิดปกติหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทันที และให้บุคคลผู้เข้าพักปฏิบัติ ดังนี้

1.2.1 ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าพักตามข้อ 1.2 เดินทางไปยังที่ชุมนุมชนหรือสถานที่ซึ่งมีประชาชนแออัดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เช่น ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิง ตลาด

1.2.2 โรงแรม อาพาร์ตเมนต์ รีสอร์ต ซึ่งมีผู้เข้าพักที่เดินทางมาจากพื้นที่ตามข้อ 1.3 ต้องจัดแยกพื้นที่เข้าพัก สถานที่รับประทานอาหาร แยกต่างหากจากผู้เข้าพักที่ไม่ได้เดินทางมาจากพื้นที่ตาม โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รับผิดชอบให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวรวมถึงการสังเกตอาการ โดยคำนึงถึงหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

1.2.4 ระหว่างที่บุคคลตามข้อ 1.2 พักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ต้อง (1) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา (2)เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยให้เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 1 เมตร (3)ลงทะเบียนเข้าและออกจากการสถานที่โดยการ Scan QR Code“ไทยชนะ” หรือบันทึกข้อมูลในแบบบันทึกข้อมูลที่สถานที่นั้น ๆ จัดไว้

1.2.5 หากพบว่าผู้เข้าพักตามข้อ 1.2 ไม่ปฏิบัติตามข้อ 1.2.1 ข้อ 1.2.4 แล้วให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

2. มาตรการสำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด

2.1 ให้บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อ 2 (2) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดตาก จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดยะลา จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นผู้ประสงค์จะเข้าพักอาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการดังนี้ 2.1.1 รายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรือ อสม.ในพื้นที่ซึ่งอาศัยอยู่ภายใน 12 ชั่วโมง นับแต่เดินทางมาถึงจังหวัดนครราชสีมา หรือทราบหรือควรได้ทราบประกาศ

2.1.2 ให้ผู้นำชุมชนหรือ อสม.ที่รับรายงานตัวบุคคลตามข้อ 2.1 บันทึกรายละเอียดการเดินทางของบุคคลตามข้อ 2.1 ตามแบบรายงานแนบท้ายมาตรการนี้ โดยบุคคลตามข้อ 2.1 ต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริง แล้วให้นำส่งแบบรายงานไปยังเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่

2.1.3 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทำการคัดกรองโรคของบุคคลตามข้อ 2.1 ทุกคน หากบุคคลดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรค COVID-19 เช่น ไปในสถานที่เสี่ยง สัมผัสกับผู้ป่วยแล้วให้ออกคำสั่งให้บุคคลนั้นกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อให้คำแนะนำ ติดตาม สังเกตและบันทึกอาการทุกวัน หากพบบุคคลดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อขอความร่วมมือให้บุคคลดังกล่าวแยกตัวเองจากบุคลอื่น พร้อมทั้งให้คำแนะนำเรื่องการสังเกตอาการป่วยร่วมกับให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม เช่น หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอมีไข้ เจ็บคอ หอบ เหนื่อย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส ท้องเสีย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

2.1.4 หากพบว่าบุคคลตามข้อ 2.1 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามข้อ 2.3 แล้ว ให้ดำเนินคดีทันทีตามกฎหมายทันที

 

3.ให้บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ 2 (1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อ 3 (2) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาทั้งกรณี ไป-กลับ ทั้งมาติดต่อราชการ หรือมาปฏิบัติภารกิจอื่นใดในจังหวัดนครราชสีมา ต้องได้รับการคัดกรองอาการ วัดไข้ และบันทึกรายละเอียดการเดินทางตามแบบรายงานแนบท้ายมาตรการนี้

โดยให้หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร ผู้ดูแลสถานที่และชุมชนทุกแห่ง แล้วรายงานข้อมูลและรวบรวมส่งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่เป็นที่ตั้งของหน่วยงานหรือชุมชนภายในวันที่บันทึกข้อมูล เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลสำหรับตรวจติดตามโรคตามมาตรการควบคุมโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ทั้งนี้เมื่อปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาแล้วเสร็จให้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยเร็วหากพบบุคคลผู้มาติดต่อมีอาการผิดปกติหรือมีเหตุอันควรสงสัยให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทันที

4.ให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ติดตาม ค้นหาบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ 2 (1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อ 2(2) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เข้ามาในพักอาศัยในพื้นที่รับผิดชอบ หรือเข้ามาพักอาศัยในสถานประกอบการโรงงานหรือสถานที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่หรือไม่โดยเคร่งครัด หากพบว่ามีผู้ไม่มารายงานตัวให้ดำเนินคดีแก่บุคคลที่ไม่รายงานตัวตามประกาศนี้ทันที

5.ให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน รายงานจำนวนบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามข้อ 2 (1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อ 2(2) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ต่อนายอำเภอทุกวัน ก่อนเวลา 18.00 น. และให้นายอำเภอรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาทุกวัน เวลา 18.00 น. จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

6.ให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประชาสัมพันธ์ให้คนในหมู่บ้านทราบว่ามีผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ 2 (1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อ 2 (2) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พักอยู่กับครัวเรือนผู้ใด เพื่อให้บุคคลอื่นโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จะได้ถือปฏิบัติในการเว้นระยะห่าง

7.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหมู่บ้านประชาสัมพันธ์อย่างเข้มขัน เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตามแนวทางที่จังหวัดนครราชสีมากำหนด เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยให้อยู่ห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 1 เมตร หากพบว่ามีผู้ไม่รายงานตัว หรือผู้ไม่ยอมต้องกักตัว ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

8.ให้ตั้งด่านบูรณาการเพื่อเฝ้าระวังและคัดกรองผู้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ของโรคที่อำเภอปากช่อง (ตำบลกลางดงและตำบลโป่งตาลอง) อำเภอด่านขุนทด (ตำบลห้วยบงหรือใกล้เคียง) และอำเภอวังน้ำเขียว โดยให้เข้มงวดคัดกรองผู้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

9. การไม่ปฏิบัติตามมาตรการนี้ อาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

10. ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: