อ.นิด้าแนะ 5 ข้อที่รัฐต้องทำหยุดโควิดระบาด ชี้ผิดหวังทนแรงกดดันไม่ไหวเลือกผ่อนคลาย

17 พ.ค. 2564 | 05:00 น.

อ.นิด้แนะ 5 ข้อที่รัฐต้องทำเพื่อหยุดโควิด-19 ระบาด ชี้ผิดหวังทนแรงกดดันไม่ไหวเลือกผ่อนคลาย

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

Covid-19: Wave#3 มองไปข้างหน้า ประเทศไทยในวันที่ตัวเลขข้าม 100,000 ความน่าผิดหวังในกรุงเทพฯและปริมณฑล ข่าวดีและข่าวร้าย

วันนี้ตัวเลขข้ามแสนไปแล้วอย่างรวดเร็วและหยุดไม่อยู่ น่ากังวลอย่างยิ่งครับว่า Wave#3 นี้จะไปหยุดที่ตรงไหน ซึ่งในเชิงตัวเลขตอนนี้สถานการณ์ในกรุงเทพฯแย่มากๆ กำลังเข้าสู่จุดที่เรียกว่า "%5 Trap" จบยาก เจ็บมาก และเจ็บนาน น่าผิดหวังครับที่ แรงกดดันทั้งหลายทำให้รัฐบาล เลือกที่จะผ่อนคลาย แทนที่จะควบคุมให้เข้มขึ้น และนั่นทำให้ความเสี่ยงต้องประเมินกันใหม่ครับ

ข่าวดี:

สถานการณ์ในต่างจังหวัด ค่อนข้างเป็นไปตาม Scenario (สถานการณ์) ที่ดีเป็นส่วนใหญ่ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าไม่พลาดท่าเสียที ในหลายพื้นที่ชีวิตจะเริ่มกลับเข้าสู่ปกติได้พอสมควร

ข่าวร้าย

1. ต่างจังหวัดที่ว่าไม่รวม Bangkok Connection 9 จังหวัด คือ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร อยุธยา นครปฐม ชลบุรี ระยอง ซึ่งแนวโน้มไม่มีทางจบ ถ้ากทม.ไม่จบ และกทม.ทำท่าว่าจะ"ไม่จบ"

2. กับดัก "%5 Trap" กราฟ %Increase (เพิ่มขึ้น) ของกทม.ช่วงแรกลงอย่างรวดเร็วและดีมาก แต่สุดท้ายมาหยุดนิ่งอยู่ที่ 5% ไม่ลงต่อมาร่วม 2 สัปดาห์แล้ว เหมือนติดกับดัก นั่นแสดงชัดเจนว่า คนที่ทำตามมาตรการทำดีมากและมีจำนวนมากกว่าครึ่ง แต่คนที่ไม่ทำตามมาตรการที่เหมาะสมก็มีมากเกินไป จนเกิดการระบาดย่อมเรื่อยๆ และนี่จะทำให้กทม.ไม่มีวันจบ

3. Trap แบบนี้ที่เคยเกิดในต่างประเทศ มาเลเซีย อาฟริกาใต้ UK US Japan ฯลฯ มากมาย อาการเจ็บแล้วไม่จบ ทรงๆแล้วก็ทรุดหนักสาหัสเลย อินเดียก็ค้างอยู่ 10,000 คนต่อวันที่ปลาย Wave#1 กดไม่ลง ไม่กดต่อ ผ่อนคลายแล้วตัวเลขก็วิ่งไกลเลย

4. กทม.ปริมณฑล ตัวเลขหลุด Scenario กราฟที่จะทำให้จบภายใน 2-3 เดือนไปหมดแล้ว สถานะตอนนี้คือ "Unpredictable" คาดการณ์อะไรไม่ได้เลยซึ่งถือว่าแย่มากๆ

5. ตัวเลขถ้า %Increase ยังเป็น 5% ไปเรื่อยๆ ผมทำกราฟมาให้ดูครับ บอกเลยว่า หนักหนาสาหัสมากแน่นอน

กราฟการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ กทม.-ปริมณฑล

สิ่งที่ภาครัฐควรต้องทำอย่างยิ่ง:

1. ต่างจังหวัด กักตัว 14 วันทุกคนที่มาจากกทม.ปริมณฑล อย่างน้อยอีก 3 เดือน แล้วเด็กๆที่นั่นจะไปโรงเรียนได้ ร้านค้าร้านอาหารเปิดได้ สาธารณสุขไม่ล่ม

2. ปิดชายแดนให้สนิท ต้องกันสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 ให้ได้

3. ระดมฉีดวัคซีนในกทม.ปริมฑล อย่างเร่งด่วนให้ได้วันละอย่างน้อย 200,000 วัคซีนคือความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของพื้นที่นี้แล้ว

4. อย่าได้ผ่อนผันอะไรในกทม.ปริมณฑลให้มากไปกว่านี้โดยเด็ดขาด ถ้าสถานการณ์แย่ลงต้องเตรียม Lockdown กทม.จริงๆจัง ไม่งั้นตายเกลื่อนครับ

5. Total Case 200,000 น่าจะไปถึงแน่ๆ และส่วนมากคงอยู่ในเขตกทม.ปริมณฑล ขอให้หยุดที่ตรงนี้ให้ได้ เพราะสถานีถัดไปถ้าหยุดไม่อยู่ส่วนมากแล้วคือ 500,000

กราฟการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ กทม.-ปริมณฑล

สิ่งที่ปุถุชนควรต้องทำ:

1. คนกทม.ปริมณฑลยกการ์ดให้สูงที่สุดอีก 3 เดือน

2. ใครทำข้อ1 ไม่ได้ ให้อพยพออกจากกทม. ไปกักตัวตจว. 14 วันแล้วอยู่ยาว

3. ไปฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ไม่ว่ามันจะเป็นยี่ห้ออะไร ผลิตจากที่ไหน

4. คนกทม.ปริมณฑลอย่าเดินห้าง อย่ากินอาหารในห้องแอร์ เขาเปิดก็ให้เขาเปิดไป อย่าไปเข้า

5. WFH ต่อไป แต่เชื่อเลยว่าต้นมิ.ย.หลายกิจการไม่ไหวแน่ คงเรียกพนักงานเข้าออฟฟิศเยอะขึ้นมาก เตรียม N95 กับข้าวกล่องจากบ้านไปกินได้เลย

ณ จุดนี้ ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา ใกล้ๆบ้านเรา แชมป์อย่างเวียดนามก็แตก ไต้หวันก็เพิ่งแตกเมื่อวาน สิงคโปร์ก็โดนอีกรอบ มัลดีฟเละ เนปาลเละ ศรีลังกาก็พัง นี่คือประเทศระดับแชมป์ทั้งนั้น ผมคิดว่า สายพันธุ์อินเดียน่ากังวลมาก เราจำเป็นที่จะต้องควบคุม Wave#3 ในกทม.และปริมณฑลให้จบ วัคซีนต้องฉีดทั่วประเทศวันละล้านก็ต้องทำให้ได้ ผมสังหรณ์จริงๆนะครับว่า อีก 2-3 เดือน ศึกใหญ่มาแน่ๆ และพูดตรงๆครับว่า ถ้าไวรัสยังกลายพันธุ์เรื่อยๆแบบนี้ อาจได้สู้กันยาวถึงปีหน้าครับ ไม่อยากสู้ก็ต้องสู้ครับ เราไม่ใช่คนตั้งกฎของสงครามครั้งนี้ แต่เป็นไวรัส และมันเล่นไม่เลิก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :