กัลฟ์ซื้ออินทัช สนองภารกิจความมั่นคง AIS สยายปีกภูมิภาค

02 พ.ค. 2564 | 18:15 น.

เปิดเบื้องลึก “กัลฟ์” ซื้อหุ้น “อินทัช” ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทำภารกิจ ทวงคืน AIS จากกลุ่มเทมาเสก กลับมาเป็นของคนไทย 100% หวังใช้ศักยภาพขยายการลงทุนใน CLMV ยกระดับบริษัทเป็นรีจินัลคัมพานี หลังปล่อย “สิงเทล” โกยกำไรอื้อซ่ากลับสิงคโปร์ ฉุดการเติบโตของธุรกิจ

ยังเป็นที่จับตา สำหรับดีลเทกโอเวอร์ขนาดใหญ่ ของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่จะเข้าซื้อหุ้นในบริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ในราคาหุ้นละ 65 บาท จำนวนไม่เกิน 2,599,631,112 หุ้น หรือ 81.07% ของหุ้นทั้งหมดของ INTUCH คิดเป็นเงินรวม 1.69 แสนล้านบาท จากปัจจุบันถือครองหุ้นอยู่ 18.93% โดยจะนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น GULF ในวันที่ 25 มิถุนายน 2564

ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้นอนุมัติและการควบรวมสำเร็จ ธุรกิจของกัลฟ์จะเป็นธุรกิจแรกที่มีขนาดใหญ่สุด มีมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) สูงถึง 1,111,174.97 ล้านบาท ซึ่งมาร์เก็ตแคป ณ 28 เมษายน 2564 อยู่ที่ 395, 993.81 ล้านบาทแล้ว

 

มีผลตอบแทนที่ดี

แหล่งข่าวจากวงการอุตสาห กรรมโทรคมนาคม ชี้ให้เห็นว่าดีลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ ในวงการตลาดหุ้นและโทรคมนาคม ต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า การซื้อหุ้น INTUCH ครั้งนี้ มีนัยยะที่มองได้ 2 ประการ เป็นการทำภารกิจเพื่อชาติ หรือทำเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทน ที่มีนายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF อยู่เบื้องหลัง

วัตถุประสงค์แรก หากมอในแง่ของนักลงทุน เห็นว่า INTUCH เป็นโอกาสด้านการลงทุน นอกจากอินทัชจะเป็นแพลตฟอร์มที่ดี มีบริษัทลูกที่หลากหลาย ยังมีกระแสเงินสดที่ดี และมีประวัติการจ่ายปันผลที่ดีด้วย

“หากประเมินจากเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะได้รับอย่างปัจจุบันที่ SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. หรือ สิงเทล ซึ่งถือหุ้น 21% ใน INTUCH และ 23.32% ใน ADVANC ได้รับเงินปันผลจาก 2 บริษัท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมารวม 36,201 ล้านบาท เมื่อเทียบกับที่สิงเทลเข้ามาซื้อหุ้น INTUCH ในราคา 60.83 บาท หรือราว 4.07 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ดั้งนั้นกัลฟ์จึงประเมินว่า เมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ต้องใช้เงินกู้ แค่เงินปันผลก็สามารถรองรับกับดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับตํ่ากว่า 3% ได้และจะมีเงินเหลือเป็นกำไรได้ทันที”แหล่งข่าวกล่าว

 

ทำภารกิจเพื่อชาติ

ที่สำคัญยังเป็นภารกิจเพื่อชาติที่หวังจะให้ ADVANC เป็นธุรกิจของคนไทยเต็มตัว และออกไปผงาดในเวทีต่างประเทศ เหมือนกับที่บริษัทขนาดใหญ่ในไทยออกไปลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือในกลุ่ม CLMV เช่นเดียวกับบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ 10 อันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม PTT, AOT, CPALL, SCC ที่สร้างรายได้ให้ประเทศแล้วยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย

ขณะที่ ADVANC ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปเป็นอันดับ 5 แต่เป็นบริษัทเดียวที่ไม่ได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศเลย ทั้งๆที่มีศักยภาพขยายการลงทุน เพราะหลังจากกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นเดิม หรือชินคอร์ป ของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตรได้ขายกิจการทั้งหมดของกลุ่มไปเมื่อปี 2549 ให้กับกองทุนเทมาเสก ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสิงเทล มูลค่ากว่า 75,000 ล้านบาท ก่อนที่สิงเทลจะมาซื้อหุ้นต่อในปี 2559 สิงเทลได้ตัดทอนศักยภาพของ ADVANC ออกไปอย่างสิ้นเชิง จากนโยบายการจ่ายเงินปันผล 100% แม้ว่าภายหลังจะลดเหลือไม่เกิน 80% ก็ตาม

“แทนที่สิงเทลในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะใช้เงินกำไรที่ได้แต่ละปีมาเสริมศักยภาพการเป็นธุรกิจโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของไทย ด้วยการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่กลับใช้การปันผลทั้ง 100% และขนเงินออกไป แทนที่จะใช้ขีดความสามารถของ ADVANC ที่มีอยู่ให้เต็มศักยกภาพขยายการลงทุนออกไป”


กัลฟ์ซื้ออินทัช สนองภารกิจความมั่นคง AIS สยายปีกภูมิภาค

ฝ่ายการเมืองหนุน

ดังนั้น ดีลการซื้อหุ้นครั้งนี้จึงได้รับแรงสนับสนุนจากทางการเมืองด้วย เพราะโทรคมนาคมเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ฝั่งการเมืองเองต้องการให้ทั้ง INTUCH และ ADVANC กลับมาเป็นสมบัติของชาติและอยู่ในมือคนไทย 100% เพราะหากธุรกิจโทรคมนาคม ยังตกอยู่ในมือของต่างชาติ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายระบบต่างๆ รวมถึงข้อมูล ที่ ADVANC มีอยู่ เป็นฐานลูกค้าจำนวนมากจะมีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศด้วย เพราะก่อนที่ดีลการซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะเกิดขึ้น ฝั่งการเมืองเองได้วางตัวนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เข้าไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เพื่อเตรียมการไว้แล้ว

 

สะพัดประโยชน์ตอบแทน

แหล่งข่าว กล่าวเสริมว่า แม้ว่าทางสิงเทล ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 อยู่ในขณะนี้ จะแสดงเจตจำนงในการลงทุนใน INTUCH ระยะยาวและไม่ขายหุ้นออกมาในเวลานี้ก็ตาม แต่มีการประเมินกันว่า อีกไม่นาน หลังจากกระบวนการขั้นตอนการซื้อหุ้นใน INTUCH ซึ่งคาดว่าจะจบภายในเดือนกรกฎาคมแล้ว GULF เข้ามาบริหารงาน จะเป็นแรงบีบให้สิงเทลขายหุ้นออกมาในที่สุด

นอกจากฝั่งการเมืองปัจจุบันแล้ว ดีลครั้งใหญ่นี้ ยังมีการเชื่อมโยงถึงอีกฟากฝั่ง ที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตเจ้าของ INTUCH อีกด้วยว่า การเข้าซื้อหุ้น INTUCH ของ GULF ครั้งนี้ เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่จะเป็นลักษณะการขายฝากและจะ Buy back ในอนาคต เมื่อ GULF ที่อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ขึ้นชื่อเรื่องสายสัมพันธ์กับการเมืองทุกรัฐบาล การซื้อหุ้นครั้งนี้จึงสมประโยชน์ทุกฝ่าย

เป็นที่น่าสังเกตว่าดีลนี้เกิดขึ้นไล่ๆกับการเปิดคลับเฮ้าส์พูดคุยเรื่องวัคซีนของนายทักษิณและท่ามกลางกระแสข่าว 2 อดีตนายกรัฐมนตรี “นายทักษิณ-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” บินมาฮ่องกง หลังไม่ได้เดินทางมานาน เสียงจึงระงมขึ้นมาว่าไปทำธุรกรรมการเงินอะไรหรือไม่ มีดีลลับอะไรกันตั้งแต่ขายชินคอร์ปออกไปในตอนต้น มีขายฝาก ซื้อฝากกันหรือไม่ ได้เวลาถ่ายโอนคืนซื้อคืนกันหรือยัง ที่จะปิดดีลซื้อขายหุ้นครั้งนี้ 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,675 วันที่ 2 - 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564