ด่านตรวจคืนชีพตำรวจดีเดย์ 1 เม.ย.

30 มี.ค. 2564 | 13:05 น.

ด่านตรวจคืนชีพตำรวจเริ่ม 1 เมษายน เน้นรอบคอบ รัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ด้านมั่นคงและกิจการพิเศษ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งไปเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564 โดยให้ทุกพื้นที่รับทราบมาตรการของตำรวจ ซึ่งให้มีการตั้งด่านตรวจได้ แต่ต้องมีความพร้อมตามมาตรฐานที่ ตร.กำหนด คือ มีความโปร่งใส เป็นมาตรฐาน ตรวจสอบได้ โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งการตั้งจุดตรวจต่างๆ ต้องมีความโปร่งใส พร้อมที่จะตรวจสอบจากประชาชน

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันหลายสถานีมีความพร้อม มีการตั้งไปแล้วส่วนหนึ่ง ในเมืองใหญ่ๆ อาทิ จ.อุบลราชธานี จ.นครราชสีมา เมื่อมีความพร้อมแล้ว 1 เมษายนก็ต้องการจะให้บังคับใช้กฎหมายเลย เนื่องจากใกล้ช่วง 7 วันอันตราย สำหรับกทม.ยังไม่ได้ตั้งจริงจัง ซึ่งหากมีความพร้อมอาจจะเริ่ม 1 เมษายนเช่นกัน

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องกลับมาตั้งด่านตรวจของตำรวจ เนื่องจากการชะลอตั้งด่านไว้ ได้กลับมาศึกษาข้อดีข้อเสีย จนคณะทำงานเห็นว่าการไม่มีด่านเลย จะมีข้อเสียเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในด้านต่างๆ มีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเมาและขับ การขับรถจักรยานยนต์ในเลนห้ามวิ่ง เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ปัญหาการไม่สวมหมวกกันน็อกเพิ่มมากขึ้น ปัญหายาเสพติด รวมไปถึงการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว หากไม่มีด่านสกัดต่างๆ

“ด่านจึงมีความจำเป็น แต่ต้องทำให้รอบคอบ รัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมที่จะถูกร้องเรียนและแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกมาจะป้องกันการทุจริตได้พอสมควร เนื่องจากก่อนตั้งด่านต้องขออนุญาตผู้บังคับการ และผู้กำกับการ เจ้าของพื้นที่ หากเกิดการทุจริตผู้บังคับบัญชาที่อนุญาตให้ตั้งจุดตรวจต้องรับผิดชอบ ในส่วนที่กำกับดูแลไม่ดีพอ”

สำหรับสิ่งที่จะทำให้โปร่งใสได้คือกล้องซีซีทีวีเคลื่อนไหวได้ที่จะต้องมีประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ตรวจ และด่านต่างๆ เช่น ด่านกวดขันวินัยจราจร ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ด่านตรวจวัดมลพิษทางอากาศ ด่านอาชญากรรม ฯลฯ จะต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ต้องมีป้ายที่มีมาตรฐาน และนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ ด่านเมา จากเดิมเคยมีปัญหาร้องเรียนต่างๆ ก็จัดให้มีกล้องบันทึกภาพแบบเรียลไทม์ไว้ประจำจุดที่มีการยืนยันผลด้วย ส่วนการจะตั้งจุดตรวจจะมีผู้ควบคุมกำกับดูแลคือผู้บังคับการในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้จะมีป้ายแสดงข้อความหากต้องการร้องเรียนได้ที่สายด่วนตร. 1599 และเบอร์โทรศัพท์ผู้บังคับการ

อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้ให้ทำฐานข้อมูล TPCC (Traffic Police Checkpoint Control) เพื่อกำหนดจุดตั้งด่าน ลงรายชื่อผู้ปฏิบัติในด่านต่างๆ ลงในแผนที่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ในจุดใดบ้าง มีการซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการหรือไม่ ด่านทุกด่านจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการซึ่งจะต้องมีเหตุผลในการตั้งด่าน อาทิ

บริเวณจุดตั้งด่านมีอาชญากรรมสูง มีเด็กแวนซ์ เป็นทางผ่านขนยาเสพติด เป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือมีสถานบริการอยู่จำนวนมากที่ต้องตั้งเพื่อป้องปราบผู้ที่เมาแล้วขับ ฯลฯ ยกเว้นกรณีเดียวที่ไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการในกรณีฉุกเฉิน คือ การสกัดจับคนร้าย

ส่วนการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ในปีนี้รัฐบาลกำหนดวันที่ 10-16 เมษายนเป็นช่วง 7 วันอันตราย เชื่อว่าประชาชนจะเดินทางออกจาก กทม. ประมาณวันที่ 9-10 เมษายนและทยอยเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 15-18 เมษายน โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณคนเดินทางออกต่างจังหวัดจะใกล้เคียงกับสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งได้เตรียมการเรื่องเส้นทางต่างๆ ช่วงมอเตอร์เวย์ตั้งแต่ลำตะคองถึงสีคิ้ว จะมีการเปิดใช้เส้นทางเพิ่ม 2 ช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 9-13 เมษายน และขากลับตั้งแต่วันที่ 14-19 เมษายนเชื่อว่า จะแบ่งเบาการจราจรไปทางถนนมิตรภาพได้เยอะพอสมควร เชื่อว่าการวางแผนอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การจราจรไม่ติดขัดจนเกินไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :