"มท.1" สั่ง ผู้ว่าฯ ต้องไม่มีลักลอบเข้าเมือง-บ่อนพนันผิดกฎหมายเด็ดขาด

30 ธ.ค. 2563 | 06:15 น.

"มท.1" สั่ง ผู้ว่าฯ – นายอำเภอทั่วประเทศ ประกาศชัด "ต้องไม่มีลักลอบเข้าเมือง– บ่อนพนันผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด ย้ำ เจ้าหน้าที่รณรงค์ให้ ปชช.หยุดอยู่บ้านช่วงปีใหม่ ปฏิบัติตัวตามมาตรการด้านสาธารณสุข

30 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมชี้แจงข้อราชการสำคัญ โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม และเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เปิดเผยว่า ตามที่ในปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในหลายจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ต้องบูรณาการและกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน ดำเนินมาตรการสกัดกั้นไม่ให้มีบุคคลที่เดินทางเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเด็ดขาด

 

พร้อมทั้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน ประสานความร่วมมือจากประชาชนในหมู่บ้าน และชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแลบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ และสำหรับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะกลุ่มที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 ได้มีมีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้คนต่างด้าวกลุ่มนี้ ทั้งที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรืออยู่ในประเทศโดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่มีนายจ้าง หรือยังไม่สามารถหานายจ้างได้ ให้มาดำเนินการตามแนวทางฯ เพื่อให้สามารถอยู่และทำงานได้อย่างถูกต้อง และทำให้ภาครัฐมีข้อมูลของคนต่างด้าวกลุ่มนี้

 

รวมถึงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วย โดยต้องมาแจ้งรายชื่อและข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 15 ม.ค. – 13 ก.พ. 64  และสามารถอยู่ทำงานได้ถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 จึงให้ทุกจังหวัดทำความเข้าใจผู้ประกอบการ พร้อมทั้งกำกับดูแลและประสานการปฏิบัติของหน่วยงานและผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาที่กำหนดไว้ และไม่ให้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศอีก

 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ในเรื่องการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ที่ส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้อำนาจและสั่งการกลไกฝ่ายปกครองพร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่เข้มงวดกวดขันอย่างเข้มข้น รวมไปถึงการพิจารณาปิดสถานที่ งดกิจกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ ต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดมาตรการในแต่ละพื้นที่ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนและสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่

 

ในการดำเนินการกรณีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ดำเนินการติดตามสอบสวนโรคและค้นหาบุคคลที่ใกล้ชิดเกี่ยวข้องตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่พบเชื้อให้กักกันตนเอง (Quarantine) ตัวเอง หากจังหวัดใดมีการพิจารณาเตรียมการเรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อแยกผู้ติดเชื้อ ต้องรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ และสำหรับจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ให้พิจารณากำหนดมาตรการเข้มข้นตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคด้วย


 

 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดไม่ให้มีในประเทศอย่างเด็ดขาด และในขณะนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ขอให้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการขับเคลื่อนแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ตามแนวทางที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้กำหนดมาตรการไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องยานพาหนะ ต้องมีการตรวจสภาพรถทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะให้มีสภาพพร้อมใช้งาน

 

เช่นเดียวกันเรื่องของถนนที่ต้องวางมาตรการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยในทางร่วมทางแยกหรือทางรถไฟตัดผ่าน ทั้งนี้ เพื่อสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว หลีกเลี่ยงการเดินทาง ใช้ชีวิตให้ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ และไม่ติดเชื้อโควิด-19

ขอให้ทุกจังหวัด อำเภอ รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ดี ให้เกิดความตระหนักและเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มขีดความสามารถ หรือ DMHTT ทั้งการเว้นระยะระหว่างกัน (Distancing) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อพบปะผู้อื่น (Mask Wearing) ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือเจลล้างมือ (Hand Washing)

 

ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและสังเกตอาการ (Testing) และใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ (Thai Cha na) และในช่วงนี้ขอให้ทำงานร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ให้ได้ และขอขอบคุณข้าราชการทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนกลางประจำภูมิภาคทุกคนที่เป็นด่านหน้าในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นอย่างดี และขอให้ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแข็งขัน เราต้องต่อสู้กันไป เราจะหยุดกันได้ ถ้าทุกคนร่วมมือ ข้าราชการทุกคนต้องดูแลตัวเอง และขออำนวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงในเทศกาลปีใหม่ 2564
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าไปเก้อ ปิดแล้ว 25 แหล่งท่องเที่ยวใน10 จังหวัดคุมโควิด

"สุโขทัย" ยกระดับมาตรการสกัดเชื้อโควิด กำหนดพื้นที่เฝ้าระวัง-เฝ้าระวังสูง

“บิ๊กป้อม” สั่ง คุมเข้มจัดการขยะตกค้างพื้นที่เสี่ยงกระจายโรค