แนะรัฐจัดงบฉุกเฉินช่วยผู้ประกอบการ-แรงงานพื้นที่ “สมุทรสาคร"

20 ธ.ค. 2563 | 10:45 น.

“อนุสรณ์” แนะรัฐจัดงบฉุกเฉินช่วยผู้ประกอบการ-แรงงานพื้นที่ “สมุทรสาคร” ชดเชยมาตรการล็อกดาวน์

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ  อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะกระทรวงการคลัง และอดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยฯมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยถึง ผลกระทบโควิด-19 (Covid-19) ระลอกสองจากแรงงานต่างด้าวสมุทรสาคร ว่า รัฐบาลควรอนุมัติงบฉุกเฉินเพื่อดูแลผลกระทบต่อผู้ประกอบการและการชดเชยรายได้ให้กับแรงงานรายวันที่ถูกให้หยุดงานจากมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ในบางพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาคร

ทั้งนี้ ควรเพิ่มงบประมาณเพื่อตรวจหาเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดโดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ นครปฐม ระนอง ตาก ราชบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางและเจลล้างมือ รวมทั้งการจัดสรรเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอในบางจังหวัดที่อาจต้องมีผู้ที่เข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้น
 

แนะรัฐจัดงบฉุกเฉินช่วยผู้ประกอบการ-แรงงานพื้นที่ “สมุทรสาคร"
 

ตั้งด่านในการตรวจโรคทุกคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร (ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว) ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและต้องตรวจผู้ใช้บริการรถเมล์สายมหาชัยปากน้ำเข้ามากรุงเทพฯ รวมทั้งรถสาธารณะจากสมุทรสาครไปยังจังหวัดอื่นๆของประเทศไทย ผู้ที่โดยสารรถเมล์จากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่กรุงเทพฯต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกคนและต้องพกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ เช่น
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สธ.แถลง ยอดติดโควิดพุ่ง 689ราย เชื่อมโยงสมุทรสาคร

โควิดสมุทรสาคร ลามถึง "นครปฐม" พบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 2 ราย

ล็อกดาวน์ “สมุทรสาคร” พ่นพิษ “ส.อ.ท.” เตรียมแผนรับมือด่วน
 

สาย ปอ 68 สมุทรสาคร-บางลำพู สาย 105 มหาชัยเมืองใหม่-คลองสาน สาย 140 แสมดำ-จุฬาฯและอนุสาวรีย์ชัย ปอ 7 (สมุทรสาคร-หัวลำโพง) สาย 43 ศึกษานารี 2-เทเวศร์ รวมทั้ง สาย 8328 สมุทรสาคร เชื่อมฝั่งธน เป็นต้น

นอกจากนี้ ทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ รถร่วม ขสมก. ต้องเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้ทุกคนด้วยหากผู้โดยสารไม่ได้พกพามาด้วย หากมีปัญหาเรื่องขาดแคลนงบประมาณ รัฐบาลต้องให้การสนับสนุน การควบคุมให้การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัดมีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างและต้อง Lockdown ทั่วประเทศแบบเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจะเข้าสู่ภาวะการล้มละลายอีกจำนวนมากพร้อมกับการว่างงานของผู้ใช้แรงงานในวงกว้าง ธุรกิจที่กำลังจะกระเตื้องขึ้นจะทรุดตัวลงไปอีก

อย่างไรก็ดี  เสนอรณรงค์ให้ทุกคนใส่หน้ากาก 100% หากคุมระบาดระลอกสองไม่ได้ การติดเชื้อจะสูงกว่าระลอกแรก 4-5 เท่าและใช้เวลาควบคุมมากกว่า 2 เท่าจากตัวอย่างของหลายประเทศที่คุมการแพร่ระบาดระลอกสองไม่ได้ การกระตุ้นการท่องเที่ยวควรทำหลังเดือนมีนาคมปีหน้า หากปล่อยให้มีการจัดงานปีใหม่รวมคนจำนวนมากโดยไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การควบคุมโรคระบาดโดยเคร่งครัดมีความเสี่ยงสูงที่จะคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจะหนักกว่าเดิมหลายเท่า

เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านการคลังและงบประมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับและหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากจะหาเม็ดเงินงบประมาณมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากการ lockdown หากคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ต้องไม่เลื่อนหรือลดภาษีทรัพย์สินอีก เพราะการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินไม่กระทบคนส่วนใหญ่และภาษีเหล่านี้มีเป็นแหล่งรายได้หลักขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลสวัสดิการประชาชนและพัฒนาพื้นที่

“คาดว่าการระบาดระลอกสองในไทยยังไม่รุนแรงเนื่องจากมีระบบติดตามไต่สวนโรคที่ดีจำกัดการแพร่ระบาดได้ และการแพร่ระบาดจากแรงงานต่างด้าวในตลาดกลางค้ากุ้งจังหวัดสมุทรสาคร การระบาดยังคงถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่จำกัดแต่มีการแพร่ระบาดค่อนข้างเร็วและผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการทำให้อาจไปสัมผัสผู้คนจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวว่าป่วย ทิศทางของเศรษฐกิจไทยและการกระเตื้องขึ้นของระบบเศรษฐกิจจึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค covid-19 ในระลอกสองในวงกว้าง”

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ผลกระทบที่มีต่อตลาดการเงินจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดที่สมุทรสาครมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและอาจมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่ตรวจพบ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นน่าจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่และมีการเทขายทำกำไรในสัปดาห์หน้า โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่ำกว่า 1,438 จุดมีความเป็นไปได้

นอกจากนี้เงินบาทน่าจะชะลอการแข็งค่าลงบ้าง พร้อมกับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำท่วมภาคใต้ทำให้ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมันเข้าสู่ตลาดลดลง น่าจะส่งผลเสียหายราว 0.8-1 ล้านตัน ประเมินไม่เกิน 0.05% ของจีดีพี ส่งผลให้ราคายางพาราและปาล์มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ความเสียหายจากน้ำท่วมคาดว่าไม่เกิน 7 พันล้านบาท

ส่วนสถานะประเทศที่ต้องเฝ้าติดตาม (Monitoring List) ของไทยเรื่องการบิดเบือนค่าเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯส่งแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่า เมื่อประเมินเบื้องต้นแล้ว น้ำท่วมภาคใต้มีผลเสียหายต่อภาพรวมเศรษฐกิจน้อยกว่าการแพร่ระบาด Covid-19 ระลอกสอง แต่ผลกระทบจากน้ำท่วมมีผลกระทบในเชิงพื้นที่สูงเนื่องจากเป็นพื้นที่อาศัยรายได้จากผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นหลัก รัฐบาลจึงต้องจัดสรรงบเพื่อฟื้นฟูจากภัยพิบัติน้ำท่วมด้วย คาดผลกระทบต่อพื้นที่อาจลากยาวถึงไตรมาสแรกปีหน้า