ปัญหา "ราคาข้าวตกต่ำ" กำลังวนกลับมาเป็นแรงกดดันรัฐบาลที่จะต้องแก้ปัญหาป้องกันไม่ให้ความเดือดร้อนลุกลาม จนซ้ำเติมปัญหาอื่นๆ ที่รัฐบาลรุมเร้าในขณะนี้ เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ หากจัดการไม่ดีย่อมส่งผลเสียหายต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในขณะนี้ จนทำให้เกิดกระแสในโซลเซียลอย่างหนัก
แหล่งข่าวเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทั้งกลุ่มแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟสบุคส์ ปลุกกระแสไปทวงสัญญารัฐบาลที่รับปากว่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเงินค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงชาวนาไร่ละ 2,000 บาท สูงสุดรับ 2 หมื่นบาท รอเก้อหลายรอบแล้ว สุดทน พร้อมกับถามท่าทีนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ทำไมเกียร์ว่าง มีอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ ชาวนาในตอนนี้ประสบทั้งปัญหาแล้ง กว่าจะปลูกข้าวขึ้น ต้องหว่านหลายรอบ มาเจอน้ำท่วมอีก พอนำข้าวมาขายข้าวราคาตก และปัญหาที่เดือดร้อนจากการปลูกข้าวเปลือกเจ้าล่าช้า ขณะนี้หลายโรงสีในภาคกลางเริ่มทยอยปิดหันไปรับ "ข้าวหอมมะลิ" และ "ข้าวเหนียว" เกือบทั้งหมด ไม่รับข้าวเปลือกเจ้า ตอนนี้เจอปัญหาสารพัด อย่างนี้จะมี สมาคมชาวนาฯ ไว้เพื่ออะไร
ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขอชี้แจงสมาชิกและชาวนาทั่วประเทศ จากการที่มีหลายท่านสอบถามมาเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล ผมในฐานะนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ประสาน โดยโทรศัพท์สายตรงกับท่านรัฐมนตรีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้รับคำตอบว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา นำเรื่องเข้าคณะมนตรีไม่ทันเนื่องจากมีวาระเร่งด่วนคือเรื่องความไม่สงบของบ้านเมืองตามที่ได้ทราบแล้วนั้น ท่านรัฐมนตรีจึงรับปากว่าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดภูเก็ตในสัปดาห์หน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พ.ย.นี้ ในฐานะนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยจึงขอให้สมาชิกทุกๆท่านช่วยชี้แจงจากชาวนาและกลุ่มเครือข่ายให้ทราบโดยทั่วถึงกันด้วย
ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ จังหวัดอุบลราชธานี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2563