พายุซัด นาข้าวล้ม-จมน้ำ ราคาหลุด 9 พันบาท -โรงสีไม่รับซื้อ
บิ๊ก สว. เผย "อีสาน" โคม่าพายุกระหน่ำ นาข้าว "กข15-หอมมะลิ" ล้มระเนระนาด จมน้ำ ชี้ราคาหลุด 9,000 บาท/ตัน ซ้ำร้ายบางโรงไม่รับซื้อ ชาวนา จำต้องเกี่ยวตากแห้งขายเป็นข้าวเปลือกเลี้ยงไก่ ขาดทุนยับ
นายบุญมี สุระโคตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ข้าวหอมมะลิ 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวหอมมะลิ105 และ พันธุ์กข15 เริ่มมีการเกี่ยวข้าวแล้วบางส่วน ราคาขายข้าวสดเกี่ยวกัน บางรายได้ 9,000 -10,000 บาท/ตัน ขึ้นอยู่กับความชื้น พอพายุเข้ามา ข้าวล้มระเนระนาด เพราะหนักรวงข้าว เพราะโดนลมพัด เพราะถ้าล้มแล้ว การที่ต้นข้าวจะมีโอกาสลุกตั้งใหม่ยาก แล้วยากมาก ประกอบกับรวงข้าวโดนน้ำไปแล้วด้วย อย่างแรกต้องรีบระบายน้ำออกก่อน ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ ชาวนาส่วนใหญ่ที่เจอสถานการณ์แบบนี้จะตัดสินใจเกี่ยวข้าวเลย เพราะฝนพายุยังไม่ขาด ตั้งเค้ามาอีก หากมาถล่มซ้ำ ข้าวที่ได้บ้างอาจจะเสียหายทั้งหมด
“นี่แหละปัญหานี้ไม่มีใครคาดคิดที่จะเกิด เพราะถ้าพายุไม่มาผลผลิตข้าวดีมากกำลังออกสวยเลย กข15 คิดว่าประมาณ 10% ส่วน 90% เป็นข้าวหอมมะลิ 105 อาการเดียวกันข้าวล้มทั้งหมด ถ้าชาวนาเก็บเกี่ยวราคาหลุด จากราคาปกติที่ขายข้าวสด ความชื้น 25-26% เกี่ยว 9,000 -10,000 บาท/ตัน จากปกติ ราคาที่รับซื้อข้าวในขณะนี้ราคาแย่มากอยู่ เพราะฉะนั้นข้าวที่ล้มต้องโดนกดราคารับซื้ออยู่แล้ว เพราะโรงสีทั่วไปก็อยากได้ของดี แต่ทั้งนี้จะต้องมีการเจรจาพูดคุยหารือกันระหว่างโรงสีกับชาวนา”
นายบุญมี กล่าวว่า ถ้า จำนำยุ้งฉาง หรือ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ออกมาในขณะนี้ไม่ตอบสนองแล้ว เพราะจากปีที่ผ่านเกษตรกรเก็บข้าว ทุกคนต้องทำประกัน ถ้าใครอายุมากก็ต้องเสียเบี้ยประกันมาก เกษตรกรจึงไม่ค่อยชอบ กระบวนการยุ่งยาก ขอบแบบง่ายๆ ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจ ธ.ก.ส.มีการตั้งกฎเกณฑ์ระเบียบเหล่านี้ขึ้นมาทำไม ชาวบ้านก็ตั้งข้อสังเกตว่า ธ.ก.ส.น่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทและคนขายประกัน ส่วน โครงการประกันรายได้ข้าว หากมีก็ยังพอบรรเทา เพราะเกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างตามระเบียบ แต่ปัญหาก็คือ "ข้าว" ใครจะเป็นคนซื้อ จะให้เอกชนมาประมูลซื้อ แล้วจะขายอย่างไร เพราะข้าวไทยต้นทุนสูง แข่งขันยากในตลาดโลกสู้ข้าวเวียดนาม อินเดีย และ กัมพูชา ไม่ได้ เพราะที่อื่นราคาถูกกว่า ขณะที่ โครงการสินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร และวิสาหกิจชุมชน คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ไม่มีผล ยกตัวอย่าง ผมที่เป็นวิสาหกิจ รวบรวมข้าวสมาชิกได้ 2,000 -3,000 ตัน แต่ความจริงให้โควตาวิสาหกิจ แค่ 500 ตันเท่านั้น เป็นการ จำกัดโควตา ซึ่งจะได้เงินชดเชยแค่นั้น บางกลุ่มมีเก็บรวบรวมเป็นหมื่นตัน ก็ได้แค่ 500 ตัน
"อีสาน" ต้นฤดูเผชิญแล้งสุด ฝนทิ้งช่วง พอจะเก็บเกี่ยวก็มาโดนพายุ เหมือนโดนคำสาป เป็นปัญหาทุกปี แต่ถ้าใครปรับตัวได้ก็รอด หมายถึงต้องทำอาชีพหลายอย่าง ยกตัวอย่างใน พื้นที่ต้องปลูกพืชหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง อย่าที่จะมาทำข้าวชนิดเดียวเป็นเรื่องยากมาก เพราะธรรมชาติเป็นแบบนี้
ด้านนายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์อีสาน และผู้จัดการสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ร้อยเอ็ด จำกัด กล่าวว่า ในพื้นที่ข้าวกข15 และ ข้าวหอมมะลิ105 ยังไม่เก็บเกี่ยว คาดว่าปลายสัปดาห์หน้าจะเริ่มเกี่ยว ก็เป็นผลมาจากพายุ เพราะถ้าพายุเข้ามาจะเกี่ยวข้าวก็ไม่เหมาะสม ลาน-โรงสียังไม่มีใครประกาศราคารับซื้อ คาดการณ์อะไรไม่ได้ หากตอนนี้ประกาศเดินหน้าโครงการประกันรายได้ข้าว ก็เป็นหน้าที่ของ ธ.ก.ส.ก็แค่โอนส่วนต่างให้เกษตรกรไม่ต้องมาอาศัยใบประทวนจากลานเท ลานรับซื้อ ทันไม่ทัน จะแยกออกจากกัน ตามข่าวปีนี้ราคาข้าวก็ไม่ดี ดังนั้นถ้ามีประกันรายได้ชดเชยส่วนเข้ามาจะช่วยพี่น้องบรรเทาคลายวิกฤติปัญหาลงในเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ดีขึ้น
“หนักใจ เพราะราคาข้าวต่ำ ก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดโลก ที่สำคัญพายุเข้า หอบลมฝนตกหนักทำให้ข้าวล้มระเนระนาด ก็จะทำให้เกิดปัญหา 1.เกี่ยวยาก เพราะว่าข้าวหมอบลงอยู่กับพื้น จะส่งผลไปถึงรถค่าเกี่ยว รถจะคิดราคาแพงขึ้น เพราะจะเกี่ยวเร็วไม่ได้ ต้องเกี่ยวช้าลง ค่อยๆ เกี่ยว ต้องคิดราคาค่าเกี่ยวแพงขึ้น 2.หากพื้นที่มีน้ำ หากต้นข้าวล้มแช่น้ำ ข้าวเสื่อมคุณภาพแน่นอน คำถามทำไมไม่เอาน้ำออกจากนา ปล่อยให้ข้าวล้มแช่น้ำทำไม แล้วจะเอาออกไปไหน ออกจากนาเรา ก็ไปท่วมนาเพื่อนบ้านก็ท่วมเหมือนกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องกลับไปที่ต้นทาง ว่าเราเตรียมตัวรองรับสถานการณ์นี้ไว้หรือไม่ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกปี”
นายรณวริทธิ์ กล่าวว่า ปีนี้ประเมินอีสานแล้งด้วยซ้ำไป แต่ว่าพายุมาท้ายฤดู มาปุ๊บท่วมเลย ไม่มีวิธีที่จะเก็บกักน้ำไว้ได้ ฝนตกน้ำท่วม ข้าวเสียหาย ฝนไปน้ำแล้งไม่มีน้ำปลูกข้าว อีสานไม่ได้เดือดร้อนเพราะน้ำท่วม แต่ที่เราเดือดร้อนน้ำมามากตอนข้าวออกรวง ข้าวเลยล้มแช่น้ำ ปัญหาอยู่ตรงนี้ อยากให้นึกถึงสภาพเมล็ดข้าวที่แช่น้ำ 1. เน่าเสีย คุณภาพข้าวเสื่อม 2.ถ้าตัวไหนน้ำไม่มาก แต่ก็รวงข้าวโดนน้ำเปียก จะทำให้ "เมล็ดข้าวออกรากคารวง" ได้ จะส่งผลทำให้โรงสีไม่รับซื้อข้าวนั้น เพราะโรงสีไม่ได้ทำข้าวงอก แล้วหากโรงสีรับซื้อไว้โรงสีจะทำอย่างไร เพราะเมล็ดข้าวออกรากแล้ว ก็เสียหาย
“ชาวนาส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาโดยวิธีการเกี่ยวข้าวแล้วนำมาตากให้แห้งแล้วนำไปขายเป็นข้าวเปลือกเลี้ยงไก่ ขาดทุนยับผมถึงบอกว่าข้าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วข้าวหอมมะลิ ผลผลิตไร่ก็ต่ำ ปลูกได้ปีละครั้ง อายุแฉลี่ยชาวนา 60 ปี ขึ้นไป ถ้าพลาดแล้วปีนั้นพลาดไปเลย นี่แหละคือ ชีวิตชาวนาอีสาน อย่างไรก็ดีหาก “พายุ” มาอีก ขอให้ “พายุ” ไปตายที่ เวียดนาม แช่งเลย”