เปิดมาตรการใหม่ “ช้อปดีมีคืน” ลดหย่อนภาษีได้

08 ต.ค. 2563 | 07:27 น.

เปิดมาตรการใหม่ “ช้อปดีมีคืน” ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมขยาย “เราเที่ยวด้วยกัน” ถึง 31 ม.ค. 64

 เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล ะนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงข่าวผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ครั้งที่ 4/2563

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใจไม่ถึง! ”ช้อปดีมีคืน” ได้ 3 หมื่นบาท NEWSROOM 08-10-63

ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้า ปรับลดลงครั้งแรกรอบ 5 เดือน

กลุ่มค้าปลีกขยับขึ้นยกแผง ขานรับ"ช้อปดีมีคืน"

เทียบสิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” กับ “คนละครึ่ง” แบบไหนคุ้มกว่า

 

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือหลายภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศโดยรวมถือว่ามีความคืบหน้า ที่ผ่านมาที่ประชุม ศบศ. ได้อนุมัติหลักการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 3 ส่วนด้วยกัน

ส่วนที่ 1 การแก้ไขปัญหาว่างงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเสริมการจ้างงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่ และผู้ว่างงาน จึงได้มีการจัดงาน Job Expo Thailand 2020 ผู้เข้าร่วมงานกว่าแสนคน ทั้งนี้ เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ ” ยังคงเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถประกาศรับลูกจ้างเพิ่มเติม

 

ส่วนที่ 2  การกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการกำลังใจ ได้ขยายเวลาโครงการถึงวันที่ 31 ม.ค. 2564 ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้ประชาชนคนไทยช่วยกันสนับสนุนธุรกิจโรงแรม อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการกระตุ้นการเดินทาง Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย จัดทำแพคเกจโปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ให้แก่บริษัทหรือหน่วยงานที่ต้องการเข้าพักในจำนวนหลายห้อง ในราคาพิเศษ ซึ่งมีภาคเอกชนให้ความสนใจจำนวนมาก

 

ส่วนที่ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน เป็นเวลา 3 เดือน ในวงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท “โครงการคนละครึ่ง” โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 2 แสนราย ซึ่งจะมีผู้ได้รับสิทธิ 10 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนในวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท และอีกครึ่งหนึ่งเป็นวงเงินจากผู้ได้รับสิทธิ 3 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 6 หมื่น ล้านบาท รวมทั้งหมดแล้วจะมีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ 8.1 หมื่นล้านบาท วันนี้ ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบในหลักการ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เพื่อให้กลุ่มผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือกลุ่มผู้ประกอบการสามารถ ลดหย่อนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 เมื่อใช้จ่ายถึง 3 หมื่น บาท คาดว่าจากโครงการจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 1.2 แสนล้านบาท เพื่อนำเสนอแก่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม จะมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 2 แสนล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ประคับประคองธุรกิจ ช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ยังได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบศ. ยังหารือถึงมาตรการเปิดประเทศในอนาคต ดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ นักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อหารายได้ให้แก่ประเทศ โดยภาพรวมแล้วในช่วง 4 – 5 เดือนที่ผ่านมา อัตราความมั่นของผู้บริโภค อัตราการผลิต อัตราการเข้าพักในโรงแรม ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งสำคัญคือการปรับโครงสร้างหนี้ของจำนวนหนี้ที่พักชำระในช่วงล็อคดาวน์ ยอดเงินกว่า 6-7 ล้านล้านบาท มีผู้เกี่ยวข้องจำนวน 12.5 ล้านราย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้วางกรอบแนวทางแก้ไขปัญหา โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แล ะสมาคมโรงแรมไทย ร่วมบูรณาการเพื่อจัดหามาตรการแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว