สปสช.เร่งขยายสถานพยาบาลทดแทนตั้งเป้า 500 แห่งใน 1 เดือน

04 ต.ค. 2563 | 08:03 น.

สปสช. กางแผนรับมือหลังยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่น พร้อมตั้งเป้าขยายหน่วยบริการปฐมภูมิรองรับผู้ได้รับผลกระทบ 500 แห่งภายใน 1 เดือน และเปิดให้ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการภายใน 2 เดือน

ภายหลังจากที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  (สปสช.)ยกเลิกสัญญากับคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. ที่มีปัญหาการเบิกจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้สิทธิในสถานพยาบาล ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไข และลดกระทบที่เกิดขึ้น  นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เปิดเผยว่า สปสช.ได้ระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงานในสังกัดมาสนับสนุนภารกิจนี้ เพื่อให้บุคลากรเพียงพอในการลงพื้นที่และแก้ปัญหาหน้างาน 


โดยตั้งเป้าว่าจะระดมกำลังเร่งรัดขยายหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลปฐมภูมิและคลินิกเอกชนมารองรับประชาชนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 แห่ง ภายในวันที่ 1 พ.ย.2563 และจะเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนภายใน 2 เดือน 


การขยายหน่วยบริการปฐมภูมิในขณะนี้ สปสช.เน้นในลักษณะของเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่มีหน่วยบริการหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความต้องการรับบริการสาธารณสุขของคนในพื้นที่ กทม. โดยจะมีทั้งหน่วยบริการปฐมภูมิเต็มเวลา และหน่วยบริการร่วมให้บริการทั้งในและนอกเวลาราชการ
 

ในรูปแบบของ คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพ คลินิกแพทย์แผนไทย ร้านขายยา ขย.1 ศูนย์บริการคนพิการ การฟื้นฟูคนพิการ การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค เป็นต้น โดยเน้นเป็นเครือข่ายใกล้บ้าน และสามารถให้บริการในเวลาที่ประชาชนสะดวก เช่น หลังเลิกงาน 


สำหรับภาพรวมการใช้บริการของประชาชนสิทธิบัตรทองในหน่วยบริการเอกชนทั้ง 108 แห่งที่ถูกยกเลิกสัญญาไปนั้น แบ่งเป็น เคยใช้บริการแบบผู้ป่วยนอก 306,016 คน หรือ 27% ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 143,525 คน หรือ 13% ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ สปสช.ดูแลให้ได้รับการรักษาต่อเนื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนัดพบแพทย์และการรับยาต่อเนื่อง และ108 หน่วยบริการที่ถูกยกเลิกล็อตล่าสุดไม่มีผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือเร่งด่วน เช่น ผู้ป่วยไต หรือ ผู้ติดเชื้อ HIV

 

"สปสช.ขอย้ำว่าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกหน่วยบริการในเขต กทม. จะได้รับสิทธิพิเศษ สามารถเข้ารักษาได้ทุกที่ โดยไม่ต้องลงทะเบียน หรือขอใบส่งตัว ขณะเดียวกัน กทม. ยังได้จัดทำเว็บไซต์ให้ประชาชนตรวจสอบว่าตนเองได้รับผลกระทบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีผู้มาตรวจสอบรายชื่อตนเองแล้ว 3,498 คน" 


 

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า สปสช.ยังได้ทำงานเชิงรุกในการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงประชาชนตามชุมชนต่างๆ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ไปประจำยังจุดสำคัญๆ ที่ประชาชนจะมาติดต่อ เช่น สำนักงานเขตของ กทม. ซึ่งมีประชาชนเดินทางมาติดต่อสอบถามหรือขอย้ายหน่วยบริการประจำ 


สำหรับการชี้แจงข้อมูลในชุมชนนั้น สปสช.ได้จัดประชุมร่วมกับประธานอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ทุกเขตใน กทม. เพื่อเชื่อมประสานข้อมูลกับผู้นำชุมชนในทุกเขต ขณะเดียวกันยังมีทีมงานลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจและแนะแนวทางปฏิบัติตามชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น พื้นที่เขตยานนาวาและคลองสามวา เป็นต้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง