ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า Times Higher Education (THE) สถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกจากประเทศสหราชอาณาจักร จัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 นับตั้งแต่ปี 2004 โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดคุณภาพ 5 ด้าน คือ การเรียนการสอน (Teaching) 30% , การวิจัย (Research) 30% , การอ้างอิงงานวิจัย (Citations) 30% , รายได้ทางอุตสาหกรรม (Industry Income) 2.5% และความเป็นนานาชาติ (International Outlook) 7.5%
ผลจากการจัดอันดับ Times Higher Education World University Rankings 2021 ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในภาพรวม (Overall Ranking) โดยอยู่ในอันดับโลกที่ 601 – 800 ในช่วงคะแนน 30.2 – 36.3 และเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ด้านวิจัย (Research Pillar) โดยอยู่ในอันดับโลกที่ 577 ด้วยคะแนน 22.3 (ดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ https://www.timeshighereducation.com/search?e=404&search=news%20world%20university%20rankings%202021%20results%20announced )
ทั้งนี้ในการอบรม “โครงการติดอาวุธให้นักวิจัยรุ่นใหม่ ผ่านโครงการ Multi Mentoring System” รุ่นที่ 5 อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ความสำคัญของ University Ranking และบทบาทของนักวิจัยรุ่นใหม่” ว่า การจัดอันดับ (Ranking) นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินภาพรวมของมหาวิทยาลัยบนเวทีโลกเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วภารกิจของมหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันอุดมศึกษา คือ การเรียนการสอน การผลิตผลงานวิจัย และนวัตกรรม
โดยมหาวิทยาลัยมหิดล มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Knowledge Transfer) และผลิตผลงานวิจัย-นวัตกรรมตามความต้องการของสังคม (Social Contribution) เป็นหลัก เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Excellence) ซึ่งในด้านการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยได้ตระหนักถึง “คุณภาพ” ของหลักสูตรด้วย เนื่องจากในการพัฒนามหาวิทยาลัยตามวิสัยทัศน์ของการมุ่งสู่มหาวิทยาลัยโลกนั้น ต้องมีหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาในการศึกษาต่อระดับนานาชาติ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีภารกิจในการสร้างโจทย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่มีมาตรฐานสูง ให้ได้รับการตีพิมพ์ในระดับชาติและนานาชาติ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาของประเทศอีกด้วย
สำหรับการประกาศผลการจัดอันดับของ Times Higher Education World University Rankings 2021 ครั้งนี้มีการให้คะแนนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,500 แห่ง จาก 93 ประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง