ทิศทาง-โอกาส “ทุนไทย”  เจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน 

21 ก.ค. 2563 | 07:12 น.

แนะผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมสร้างแบรนด์ เจาะฐานนักท่องเที่ยวจีน หลังโควิด-19 ทำพฤติกรรมเปลี่ยน ขณะที่ "ญี่ปุ่น-ดูไบ" โหมทำแคมเปญดึงเข้าประเทศ

ต้องยอมรับว่า “โควิด-19” ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ถือเป็นกำลังซื้อก้อนโตหายไป แต่ “ผู้ประกอบการ” ที่ต้องการเงินจากนักท่องเที่ยวจีนจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้เป็น 1 ในตัวเลือกในช่องทางออนไลน์ ที่วันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของชาวจีน กับการช็อปแหลกผ่านโลกออนไลน์

ทิศทาง-โอกาส “ทุนไทย”   เจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน 

“ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) จำกัด สาวนักบริหารรุ่นใหม่ ที่คลุกคลีกและเดินหน้าศึกษาตลาดจีนแบบ 360 องศา จนเป็นที่ยอมรับของนักธุรกิจจีน ไม่ว่าจะเป็น Ma Feng Wo เว็บไซต์และแอปพลิเคชันท่องเที่ยวอันดับ 1 ของจีน, “อ้ายจง” บล็อกเกอร์ดัง ที่คนจีนให้ความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ ถึงทิศทางและโอกาสในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวจีน หลังโควิด-19 ผ่านไป

 

ไทย-ญี่ปุ่น ชิงตลาดจีน

แม้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพราะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่พบว่า คนจีนยังเลือกซื้อสินค้า ค้นหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวตลอดเวลาและไทยติดอันดับ 1 ในการเซิร์ชหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด โดยมีญี่ปุ่น เป็นคู่แข่งสำคัญ ที่สลับกันขึ้นเป็นผู้นำ

อย่างไรก็ดี ล่าสุดพบว่า “ญี่ปุ่น” ได้ทำโปรเจ็กต์พิเศษ โปรโมตด้านการท่องเที่ยวเมืองรอง ให้กับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะเพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวในเมืองใหม่ๆ และพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีนักท่องเที่ยวจีนสนใจเข้าไปชมจำนวนมาก

พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์

“เวลานี้ญี่ปุ่น แซงหน้าไทย กลายเป็นประเทศที่ครองอันดับ 1 ของการเซิร์ชหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ด้านท่องเที่ยวของจีน เพราะนอกจากทำโปรโมตท่องเที่ยวเมืองรองแล้ว ยังมีอีเว้นต์และโปรโมชันต่างๆ มากมาย ขณะที่ภาคเอกชนก็ทำการสื่อสารกับคนจีนต่อเนื่อง ขณะที่ “ดูไบ” ก็เคลื่อนไหว เตรียมพร้อมรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน ดังนั้นหน่วยงานของภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้ประกอบการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวจีน จำเป็นจะต้องทำการตลาดต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในประเทศ และเมื่อไทยพร้อมเปิดประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวได้ ก็สามารถขายของได้ทันทีเช่นกัน

 

ชูแนวคิด 5W1H

ล่าสุด บริษัทจึงร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (ทีเส็บ), ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, บริษัท เอวี โปรเจคท์ จำกัด, บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท ฟูลริช พับบลิค จำกัด จัดเสวนาออนไลน์ “The Rising of Chinese Tourist Forum” ในหัวข้อ The Rebound of Chinese Traveler, The Reborn of Thai Economy ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการ ภายใต้แนวคิด 5W 1H

ประกอบไปด้วย What, When, Where, Who, Why และ How โดยดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จะนำเสนอแนวคิดและวิธีการเข้าถึงผ่าน “6i Model” ได้แก่ Impact ทำอย่างไรให้คนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้น, Inspire การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยว, Inform การให้ข้อมูลผ่านรูปแบบต่างๆ, Impulse การสร้างแรงกระตุ้นให้อยากเข้ามาท่องเที่ยว, Immerse การเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ และ Improve การปรับเพื่อให้ดีขึ้น

 

โอกาสของทุนไทย

นอกจากนี้ยังมีเวทีเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ “ทิศทาง โอกาส และการปรับตัวเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวจีน” โดย ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานีจำกัด (มหาชน), อลิสา พันธุศักดิ์ ทายาททิฟฟานี่โชว์ พัทยา, ดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด, ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด , ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และพลพัฒน์ อัศวะประภา นายกสมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์ กรุงเทพ (BFS)

 

“โอกาสของประเทศ ไทยมีมากมาย เพราะไทยถือเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของจีน แต่ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ สร้างตัวตนให้เข้าถึงพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน อย่าปล่อยให้โอกาสขาดหายไป แม้วันนี้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพียง 1.2 ล้านคน แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจีนอีกจำนวนมากที่พร้อมจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ทันทีที่เปิดให้เข้าประเทศไทย” 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,593 วันที่ 19 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563