นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า เนื่องจากโรคโควิด-19เป็นโรคอุบัติใหม่ที่ยังไม่มียารักษาเฉพาะ และจากการศึกษาพลาสมาของผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วพบว่า มีภูมิคุ้มกันที่ต้านทานโรค ซึ่งเชื่อว่าภูมิคุ้มกันจะมีความคงทนราว 6 เดือน โดยพลาสมาจะเป็นอีกวิธีหนึ่ง ในการใช้แอนตี้บอดี้ ทางอ้อม วัคซีนจะเป็นแอนตี้บอดี้ทางตรง
"ผู้ที่จะบริจาคพลาสมาได้ ต้องหายป่วยจากโรคแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน หลังจากนั้น ตรวจว่าต้องไม่มีเชื้อโควิด-19 แล้ว อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีแต่ไม่เกิน 60 ปี น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 50 กิโลกรัม ร่างกายแข็งแรงตามเงื่อนไขการบริจาคโลหิต ไม่มีโรคประจำตัว โดยอาสาสมัครสามารถบริจาคได้ทุก 2 สัปดาห์ รวม 6 ครั้ง"
ปัจจุบันมีอาสาสมัครที่มาบริจาคพลาสมาแล้วมากกว่า 150 คน ทำให้ได้พลาสมา ที่มีภูมิต้านทานสูงมากกว่า 250 ถุง ซึ่งจะใช้พลาสมารักษาผู้ป่วย 1-2 ถุง/คน โดยในสหรัฐมีการใช้ไปแล้วกว่า 1 หมื่นถุง แล้วพบว่ามีความปลอดภัย ได้ผลดี แต่ที่ใช้ไม่ได้ผลคือผู้ป่วยอาการวิกฤต และสามารถเก็บสำรองไว้ใช้ได้นาน 1 ปี หากในอนาคตมีผู้มาบริจาคพลาสมาเป็นจำนวนมาก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสามารถนำพลาสมามาผลิตดังกล่าวเป็นเซรุ่มเหมือนที่ใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ-บี หรือโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจะเก็บรักษาไว้ได้นานมากขึ้น
นพ.ยง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาราว 2 เดือนแล้ว ซึ่งสามารถติดตามผู้ที่เคยป่วยราว 300 ราย โดยร้อยละ10 ตรวจไม่พบภูมิต้านทานเนื่องจากได้รับเชื้อน้อย ไม่มีอาการ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่เคยป่วยแล้วมีอาการหนัก จะมีภูมิต้านทานสูง ระยะต่อไปจะศึกษาความคงทนของภูมิต้านทานว่า ยาวนานเพียงใด โดยการตรวจเลือดผู้ที่เคยป่วยทุก 3 เดือน และหลังจากมีวัคซีนใช้งานแล้วจะสามารถผลิตพลาสมาได้เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือไว้รักษา