ตรวจโควิด-19 เชิงรุกทั่วปท.100,000 ราย ภายใน มิ.ย.นี้

29 พ.ค. 2563 | 00:57 น.

สธ. ตั้งเป้ามาตรการเชิงรุก เร่งตรวจโควิด-19 ทั่วประเทศให้ได้อย่างน้อย 100,000 ราย ภายในเดือน มิ.ย. นี้

กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเดินหน้ามาตรการค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 เชิงรุกอย่างเข้มข้น ล่าสุดในการแถลงสถานการณ์นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินการทางห้องปฏิบัติการอย่างเข้มข้น โดยแบ่งกลุ่มในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ที่เข้าข่ายสอบสวนโรค กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ และกลุ่มที่ 3 คือ การค้นหาเชิงรุก โดยเบื้องต้นต้องตรวจอย่างน้อย 100,000 ตัวอย่าง ภายในเดือนมิถุนายน 2563 นี้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วนในหลายจังหวัด เช่น นครราชสีมา สุราษฏร์ธานี ปัตตานี เป็นต้น คาดว่า จะใช้เวลาไม่นานเพราะทำพร้อมกัน และมีห้องปฏิบัติการครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งฐานข้อมูลที่ได้จะนำไปสู่การจับสัญญาณการระบาดของโรคได้

สำหรับการเฝ้าระวังเชิงรุกจะประเมินอยู่ 2 อย่าง อย่างแรก คือ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ที่ทำงานต้องสัมผัสกับบุคคลจำนวนมากหรือทำงานในที่สาธารณะมีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยมาก เช่น บุคลากรสาธารณสุข คนที่ขับรถสาธารณะ เป็นต้น และสถานที่ที่มีการรวมคนกันอยู่อย่างหนาแน่นและทำเรื่องเว้นระยะห่างหรือ Social Distancing ได้ยาก เช่น แรงงานที่อยู่กันอย่างแออัดในบางกลุ่ม อย่างเช่น ที่จังหวัดสมุทรสาคร หรือบางกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ เป็นต้น

กลไกสำคัญในการเฝ้าระวังเชิงรุก คือ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ทางส่วนกลางจะให้นโยบายว่าจะตรวจกลุ่มไหน สถานที่ไหน และทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะพิจารณาจากข้อมูลของจังหวัดว่าพื้นที่ไหนและกลุ่มไหนเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเป็นข้อดีทำให้พื้นที่สามารถปรับนโยบาย นำไปสู่ภาคปฏิบัติของตนเองและกำหนดออกมาว่าจะตรวจกี่คน

สำหรับกรณีผลตรวจไม่ตรงกัน สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นตัวเลข เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ การแปลผลต้องร่วมกับอาการผู้ป่วย ร่วมกับข้อมูลทางระบาดวิทยา ที่ผ่านมาแล็ปที่เป็นแล็ปอ้างอิง เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บางครั้งผลการทดสอบก็รายงานไม่ตรงกันพอไม่ตรงกันก็จะมีการตรวจซ้ำมีการตรวจสอบจนผลออกมาได้ตรงกัน ผู้ที่เอาไปใช้ก็สามารถเอาไปใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัยโรค ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางระบาดวิทยา เพื่อไปสอบสวนสวนโรค ควบคุมโรค ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยตรวจไปแล้วกว่า 400,000 ตัวอย่าง ทำให้ประเทศไทยเราสามารถควบคุมโรคและควบคุมการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี นพ.อนุพงศ์ กล่าว