จับตา“บราซิล”กุม“ปริมาณ”และ“ราคา”น้ำตาลโลก

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าบราซิลนั้นมีบทบาทเหนือกว่าใครในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ยิ่งเวลานี้การค้าขายท่ามกลางสมรภูมิรบ ที่ทั่วโลกต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 นั้นยิ่งลำบาก   เมื่อโฟกัสไปยังผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลเบอร์ 1ของโลกอย่างบราซิล  ที่เวลานี้ทั่วโลกต่างจับจ้อง ทั้งในมุมวิกฤติและมุมโอกาส ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกต่างเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายบุญถิ่น โคตรศิริ ที่ปรึกษาบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย(อนท.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า  บราซิลมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ทั้งในแง่ “ปริมาณ” และ “ราคา” และยิ่งมีความได้เปรียบเหนือกว่าใครชัดเจนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกของบราซิลที่วันนี้ค่าเงินเรียลเอื้อต่อการส่งออกมาก ส่งออกไปทั่วโลกขายได้ราคา 10 เซ็นต์ต่อปอนด์ โดยส่งออกจะได้เปรียบมากขึ้นถึงเท่าตัว  เมื่อเทียบกับค่าเงินเรียลของบราซิลที่อ่อนค่าลง เวลานี้ทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯบราซิลจะได้เงินเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เรียล จากเดิมทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯค่าเงินเรียลจะอยู่ที่ 3.8-3.9 เรียล  โอกาสจากค่าเงินเรียลที่อ่อนค่า บวกกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ ทำให้อุตสาหกรรมน้ำตาลของบราซิลอยู่ในจังหวะขาขึ้นจากการส่งออก

สอดคล้องกับที่ นายภิรมย์ศักดิ์ สาสุนีย์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ค้าผลผลิตน้ำตาล จำกัด กล่าวว่าการที่ค่าเงินเรียลบราซิลอ่อนค่าลงมากก็ยิงสามารถผลิตน้ำตาลได้มากขึ้นและขายน้ำตาลได้ในราคาที่ต่ำ โดยที่บราซิลยังไม่ได้แบกภาระขาดทุนเพราะมีผลผลิตอ้อยและน้ำตาลจำนวนมาก  อีกทั้งยังมีปัจจัยค่าเงินเรียลที่เอื้อต่อการส่งออก  นี่คือข้อได้เปรียบที่บราซิลสามารถเลือกได้ว่าจะนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลหรือนำไปผลิตเป็นน้ำตาลขึ้นอยู่ที่ความจูงใจของราคาในขณะนั้น   ดังนั้นนอกจากปริมาณแล้ว  แนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกก็ขึ้นอยู่กับบราซิลที่เป็นตัวแปรสำคัญในขณะนี้ด้วย เพราะเป็นประเทศเดียวที่ผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้นายภิรมย์ศักดิ์ ยังมองถึงผลต่อเนื่องจากวิกฤติโควิด-19ในมุมลบและไม่อาจวางใจได้คือ  ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 17 พ.ค.2563 กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลเปิดเผย ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในบราซิลอีก 14,919 ราย ทำให้ยอดสะสมทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 233,142 ราย แซงหน้าสเปนกับอิตาลี   จนบราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกแล้ว  ดังนั้นบราซิลอาจเจออุปสรรคที่น่าเสียดายได้ในสภาวะที่การส่งออกกำลังไปด้วยดี เพราะหากโควิด-19ระบาดมากขึ้นการขนส่งน้ำตาลไปยังท่าเรืออาจเจออุปสรรคได้ เช่น การปิดท่าเรือเพื่อเลี่ยงการระบาดของไวรัสมหาภัยนี้ 

เมื่อปิดท่าเรือก็มีโอกาสทำให้ราคาน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นต่อไปอีกได้และมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาน้ำตาลจะกลับมาไต่11-12 เซ็นต์ต่อปอนด์ได้ ซึ่งบราซิลอาจเสียโอกาสนี้ไปก็ได้หากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ได้

“สิ่งที่น่าจับตาหลังจากที่ราคาน้ำตาลพีคสุดในช่วงกลางเดือนก.พ.ปี2563 ไต่ขึ้นไปสูงกว่า 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ เทียบกับราคาเดือนพ.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่10.1-10.2 เซ็นต์ต่อปอนด์ จากราคาเคยไปถึงจุดต่ำสุดที่ 9.05 เซ็นต์ต่อปอนด์ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา  และหากการส่งออกของผู้เล่นรายใหญ่อย่างบราซิลมีข้อจำกัดเกิดขึ้น ราคาน้ำตาลในตลาดโลกอาจกลับมาพุ่งสูงขึ้นเหนือ11 เซ็นต์ต่อปอนด์ได้”