ห้ามออกจากบ้านลด PM2.5 ใน กทม.และปริมณฑลได้ 20%

04 พฤษภาคม 2563

รายงานข่าวจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า  ตรวจสอบและประมวลผลค่าฝุ่นละอองPM2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมมณฑล  เพื่อเปรียบเทียบค่าฝุ่นละออง  PM2.5 ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และช่วงหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมาตรการให้ปิดสถานที่ที่อาจมีการชุมนุชม เช่น โรงเรียนสอนพิเศษ สถาบัน อุดมศึกษา ให้ราชการปรับเปลี่ยนเวลาทำงาน และทำงานที่บ้านได้ (ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563)

ห้ามออกจากบ้านลด PM2.5 ใน กทม.และปริมณฑลได้ 20%

จากการตรวจสอบฝุ่นละออง PM2.5 ในระหว่างวันที่ 1-17 มีนาคม2563 (ก่อนประกาศห้ามคนออกจากบ้าน)  มีรถมาก การจราจรหนาแน่น ค่าดัชนีรถติดเฉลี่ยรายวัน มีค่า 3.1-4.1 ค่าเฉลี่ย 3.7 พบว่าฝุ่นละออง PM2.5 มีค่า 10 - 46 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบม.) ค่าเฉลี่ย 25 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชม.ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)  ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ในระหว่างวันที่ 18 มีนาคม -28 เมษายน 2563 (หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมาตรการให้ปิดสถานที่ที่อาจมีการชุมนุชม เช่น โรงเรียนสอนพิเศษ สถาบัน อุดมศึกษา ให้ราชการปรับเปลี่ยนเวลาทำงาน และทำงานที่บ้านได้) รถน้อย การจราจรจรคล่องตัว ค่าดัชนีรถติดเฉลี่ยรายวัน มีค่า 2.4 -3.6  ค่าเฉลี่ย 2.9 พบว่าฝุ่นละออง PM2.5 มีค่า 9 - 42 มคก./ลบม.) ค่าเฉลี่ย 20 มคก./ลบ.ม. เมื่อเปรียบเทียบ  ก่อนสถานการณ์โควิด-19 และช่วงโควิด-19 ในเวลาดังกล่าว ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ลดลง 20%

ทั้งนี้ ในเวลาเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้ว ในระหว่างวันที่ 18 มีนาคม -28 เมษายน 2562 ฝุ่นละออง PM 2.5 มีค่า 7-53 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ย 24 มคก./ลบ.ม.