สิบเนื่องจากกรณีที่ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม ได้แถลงว่าสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับบ้านได้ตั้งแต่ 3 พฤษภาคมเป็นต้นไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา และคณะกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท กล่าวว่า เข้าใจว่ารัฐบาลพยายามจะผ่อนคลายในหลายมาตรการ แต่การที่ให้เปิดกิจการต่างๆ พร้อมกับประกาศให้มีวันหยุดยาว และคนแห่เดินทางข้ามจังหวัดเป็นอันมากแบบห้ามไม่ได้ พร้อมทั้งให้ขายสุราได้นั้น เป็นความเสี่ยงที่อันตรายอาจจะทำให้โควิดเวฟ 2 มาเร็วกว่าที่คิดไว้
"ทุกคนรู้ว่าการรักษาระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ส่วนที่ยังควบคุมไม่ได้คือการที่มีบางคนแอบไปตั้งวงดื่มสุรา แต่เมื่อห้ามขายสุราก็ลดคนตั้งวงดื่มได้ เพราะร้านค้าไม่กล้าขายกลัวถูกยึดใบอนุญาต อย่างไรก็ดีเมื่อมีการปลดล๊อกให้ขายสุราได้ แต่ขอความร่วมมือไม่ดื่มรวมกลุ่มหลายคน ถ้าใครไปแอบตั้งวงก๊ง ก็ไม่มีความผิด อย่างนี้เป็นมาตรการที่บังคับใช้ไม่ได้จริง "
นพ.พงศ์เทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยคุมการติดเชื้อโควิด-19 ได้จนเหลือ เลขหลักเดียวแล้ว แต่ยังมีผู้ติดเชื้อไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย พร้อมที่จะเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อได้ตลอดเวลา เหมือนระเบิดเวลาที่รอการจุดเชื้อเพลิง ในขณะนี้ส่วนสำคัญคือภาคส่วนธุรกิจที่จะเดินหน้าไม่ควรนำเรื่องการดื่มสุรา ซึ่งเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลไปผูกไว้ด้วย ถ้าคิดว่าเกิดระบาดเพิ่มค่อยหยุดขายสุรา กลัวจะไม่ทันการณ์ ถ้าอยากผ่อนคลายให้ขายสุราได้ควรจะเป็นกลางเดือนพ.ค.น่าจะปลอดภัยกว่า
"การซื้อแอลกอฮอล์กลับบ้านได้และหวังว่าคนจะซื้อไปดื่มคนเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเหล้าดื่มเพื่อบรรยากาศ คนที่จะดื่มสุราคนเดียวก็คือคนที่ติดสุราเท่านั้น"
ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เร็วไปที่จะให้จำหน่ายสุราในขณะนี้ ตนเองมองว่าการจะให้จำหน่ายสุราได้น่าจะเป็นมาตรการท้ายสุดที่จะมีการผ่อนปรนเพราะสุราไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ยืนยันได้ว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่มีรายงานทางการแพทย์ว่ามีผู้ใดลงแดงตายเพราะไม่ได้ดื่มสุราแม้ในผู้ที่ติดสุราอย่างหนัก
ในทางตรงกันข้ามองค์การอนามัยโลกได้ออกคำเตือนว่าสุราทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19มากขึ้นจากการที่ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ถ้าภายใน7ถึง 14 วันข้างหน้าเกิดมีการติดเชื้อมากขึ้นแล้วต้องมีการปิดสถานที่ต่างๆที่ได้รับการผ่อนปรนในขณะนี้จะทำให้ธุรกิจอื่นๆได้รับผลกระทบไปด้วย
"การผ่อนผันให้จำหน่ายสุราได้เหมือนกับการผ่อนผันให้ว่าไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยได้แล้ว เป็นการลดการ์ดลง แล้วเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้น็อคได้ตลอดเวลา ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาในอนาคต"
ขณะที่นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วที่มีการห้ามขายสุราทั้งประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ดี ดังที่มีหลักฐานยืนยันจากการสอบสวนโรคในหลายกรณีว่ามีการแพร่กระจายเชื้อในสถานบันเทิงและในการจับกลุ่มตั้งวงดื่มสุรา เมื่อห้ามขายสุราจึงส่งผลให้การติดเชื้อลดน้อยลง
จากการสำรวจโดยศูนย์วิจัยปัญหาสุราพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 90.5 ไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการห้ามขายสุรา และร้อยละ 77.6 ทราบดีว่าการดื่มสุราทำลายภูมิต้านทานของร่างกายและทำให้ติดเชื้อโควิดได้ง่ายขึ้น
แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้และยินดีปฎิบัติตามมาตรการนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้นมาตรการผ่อนคลายนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การผ่อนคลายให้ขายสุราได้ควรเป็นมาตรการสุดท้ายที่ผ่อนคลาย ไม่ควรเป็นเวลานี้ ไม่เช่นนั้นความพยายามที่ทำมาทั้งหมดอาจจะพังลงได้
“การที่รัฐบาลโยนไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจห้ามขายสุรากันเองนั้น จะส่งผลให้มีการปฎิบัติที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละจังหวัดตัดสินใจลำบาก ไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนไม่ปฎิบัติตามและเดินทางข้ามจังหวัดไปซื้ออีกจังหวัดหนึ่ง เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อขึ้นมาใหม่ได้”