ทรู-AISเจอดี ดีลจ่าย4.8หมื่นล. รายได้เติมเงินวูบ

05 พ.ค. 2563 | 02:10 น.

พิษโควิดทุบลูกค้าค่ายมือถือเดี้ยงกันระนาว รายได้เติมเงินลดหายวับกว่า 50-70% รายเดือนชะลอจ่าย เพราะคนขาดรายได้ จนขาดกระแสเงินสดอย่างหนัก แห่ร้องกสทช.ขอผ่อนชำระเงินค่าใบอนุญาตสัมปทานคลื่นที่ครบกำหนดจ่ายรายละ 24,000 ล้านบาท ในเดือนพ.ค.และมิ.ย.นี้

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  เปิดเผยว่าขณะนี้โอปอเรเตอร์มือถือ  ได้ขอผ่อนผันการจ่ายค่าใบอนุญาต4จี และ 5จีมายัง กสทช. เนื่องจากปัญหาขาดกระแสเงินสดอย่างหนัก  เพราะรายได้จากลูกค้าเติมเงินลดลง  และผู้ใช้รายเดือนขอยืดการชำระเงิน   อันเนื่องมาจากรายได้ลดลง ตกงานจากวิกฤติโควิด    ทั้งนี้ค่ายทรูฯ มีกำหนดจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900  ในเดือน พ.ค. 63 นี้ 24,000 ล้านบาท   และเอไอเอสมีกำหนดจ่ายค่าคลื่น 900 ที่ 24,000 ล้านบาท ในเดือน มิ.ย. 63 

ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่สามารถขอให้ผ่อนผันได้แต่อย่างใด ซึ่งเสียงบ่นจากโอเปอเรเตอร์ออกมาว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทำรายได้สูงก็จริงแต่ก็มีรายจ่าย และการลงทุนอยู่ตลอด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมาขอให้ช่วยประมูล 5 G เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ ทุกคนก็พร้อมให้ความสนับสนุน แต่ในขั้นตอนการจ่ายเงินไม่เคยได้รับการผ่อนปรนแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร

แหล่งข่าวจากวงการผู้ให้บริการเคลื่อนที่รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาช่วงวิกฤติโควิด-19 และล็อกดาวน์ โอเปอเรเตอร์ขาดกระแสเงินสดอย่างหนักเพื่อนำไปประกอบกิจการ โดยในช่วงปกติเอไอเอสจะมียอดการเติมเงินเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 140 ล้านบาท ปัจจุบันลดลงไปเหลือ 50 ล้านบาท ดีแทคมียอดอยู่ที่ 20 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 5 ล้านบาท และทรูฯเดิมอยู่ที่ 90 ล้านบาท ปัจจุบันลดลงไปเหลือเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น ประกอบกับโอเปอเรเตอร์ยังมีภาระการจ่ายหนี้เป็นค่าใบอนุญาต 4G และ 5G ที่ประมูลกันไป

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ยังไม่มีเรื่องที่ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ขอยืดการชำระหนี้เข้ามาที่กสทช.

ล่าสุด ดีแทค หรือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ว่า ดีแทคมีจำนวนลูกค้า 19.6 ล้านรายลดลง 1 ล้านราย โดยจำนวนลูกค้าในระบบเติมเงินลดลงเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท”

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า การลดลงของลูกค้าส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ลูกค้าใหม่ และบริการข้ามแดนอัตโนมัติในต่างประเทศ นอกจากนี้ สัญญาณเริ่มต้นของเศรษฐกิจถดถอยกำลังส่งผลต่อการปรับตัวด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าทุกกลุ่ม

ด้านนายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มสื่อสารในไตรมาสแรก ปี 2563 ยังมีการเติบโต โดย DTAC แจ้งกำไรสุทธิ 1,500 ล้านบาท เติบโต 16% ส่วน ADVANC คาดว่าจะประกาศในวันที่ 8 พฤษภาคม คาดจะมีกำไรสุทธิประมาณ 7,800 ล้านบาท เติบโต 3% และ TRUE คาดจะประกาศในวันที่ 15 พฤษภาคม มีผลขาดทุนสุทธิประมาณ 800 ล้านบาท แย่กว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มองว่าเริ่มมีการส่งสัญญาณอ่อนแอในไตรมาส 2 หลังจากตัวเลขลูกค้าเริ่มลดลงในไตรมาสแรก ซึ่งส่งผลชัดเจนในไตรมาส 2 สะท้อนจากการรายงานของ DTAC ที่ลดลง 700,000 ราย จากไตรมาส 4 ปี 2562 ที่เพิ่มขึ้น 200,000 ราย นอกจากนี้รายได้จากลูกค้ารากหญ้าที่ใช้ระบบเติมเงินรายวันลดลง หลังจากถูกกระทบจากการถูกเลิกจ้าง หรือถูกพักงาน หากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่เติมเงิน หรือเลื่อนการเติมเงินออกไป ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีรายได้จากส่วนนี้เข้ามา

ทรู-AISเจอดี  ดีลจ่าย4.8หมื่นล.  รายได้เติมเงินวูบ

ขณะที่ การผิดนัดชำระของลูกค้ารายเดือนอาจจะมีบ้างเล็กน้อย จากการปิดช็อปรับชำระเงินในห้าง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับการจ่ายในรูปแบบดังกล่าว แต่เมื่อเปิดทำการปกติได้ ก็จะกลับมาจ่ายปกติ ส่วนลูกค้ารายเดือนที่ถูกพักงาน หรือเลิกจ้าง มองว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังจ่ายที่ค่อนข้างสูง มีเงินออม ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน อีกทั้งยังมีความคาดหวังจะได้กลับมาทำงาน หรือเริ่มงานใหม่ได้หากสถานการณ์คลี่คลาย ขณะเดียวกัน อาจจะมีการขอลดค่าบริการรายเดือนลงในแพ็กเกจเดิม หากผู้ประกอบการเห็นข้อมูลการใช้งานของลูกค้าว่าเป็นลูกค้าชั้นดี ก็จะยินยอมลดค่าบริการให้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้

“นักลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มมีความกังวลในด้านรายได้จากลูกค้ารากหญ้าที่เป็นระบบเติมเงิน จากเดิมที่คิดว่าเป็น
กลุ่มที่ปลอดภัย มีรายได้เป็นปกติ แต่เมื่อความต้องการใช้ไม่มี กำลังซื้อหด ก็ทำให้ส่วนนี้ลดลงตาม

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,571 วันที่ 3 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563