Facebook เชื่อมต่อชุมชน สร้างผลกระทบเชิงบวกศก.ไทย

27 เม.ย. 2563 | 11:50 น.

Facebook ประเทศไทย จัดงาน ‘Thailand Community Day’ สนับสนุนการเชื่อมต่อชุมชนสมาชิก Facebook ที่มีกว่า 6 ล้านกลุ่ม และมากกว่า 45 ล้านคนในไทย พร้อมแชร์หลักปฏิบัติที่ดี และข้อมูลเชิงลึก จากกลุ่มชุมชนไทย Run2gether, Read for the Blind, Courageous Kitchen และ Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19

นางเกรซ แคลปแฮม หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรและโครงการเพื่อชุมชนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Facebook กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ การเชื่อมต่อผ่านชุมชนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผู้คนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนเข้ามาใช้งาน Facebook เพื่อสนับสนุน ค้นหาและแชร์ข้อมูล และเชื่อมต่อกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาวิกฤต การเชื่อมต่อผู้คนและทำให้แน่ใจว่าผู้นำชุมชน รวมถึงแอดมินกลุ่มและเพจ จะได้รับการสนับสนุนและทรัพยากรที่พวกเขาต้องการ เพื่อจัดการชุมชนที่สร้างการมีส่วนร่วมและการเชื่อมต่อ

การรักษาการเชื่อมต่อกันระหว่างผู้คนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ ชุมชนของ Facebook จึงมีบทบาทที่สำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อคนไทย ในขณะที่พวกเขากำลังรักษาระยะห่างทางสังคม โดยมีผู้คนมากกว่า 45 ล้านคนในประเทศไทย ที่เป็นสมาชิกของกลุ่มบน Facebook กว่า 6 ล้านกลุ่มที่มีกิจกรรมและการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องในเดือนที่ผ่านมา ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีผู้คนจำนวนกว่า 650 ล้านคน ที่เป็นสมาชิกและได้มีส่วนร่วมในกลุ่มบน Facebook อย่างต่อเนื่อง กลุ่มต่างๆ เหล่านี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มการเลี้ยงลูก ไปจนถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ กลุ่มด้านเทคโนโลยีคราวด์ซอร์สซิ่ง (crowdsourcing) กลุ่มด้านการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย

Facebook เชื่อมต่อชุมชน สร้างผลกระทบเชิงบวกศก.ไทย

ภายในงาน Thailand Community Day ประกอบด้วยการแชร์เคล็ดลับง่ายๆ และความรู้เบื้องต้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดิจิทัลอีเวนต์ระดับโลกของ Facebook ที่มีชื่อว่า Community Connect: Navigation COVID-19 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแอดมินของกลุ่มบน Facebook ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย 

นอกจากนี้ ยังมีการสนทนาแบบกลุ่มระหว่างเหล่าผู้นำชุมชน ได้แก่ ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้นำจากกลุ่ม Run2gether โชติวัน วัฒนลาภ แอดมินกลุ่ม Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 ปาณิศา จันทร์วิไล ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Courageous Kitchen รวมถึงณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และชลทิพย์ ยิ้มย่อง ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และแอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read)

ความสำคัญของโครงการ Community Accelerator ซึ่งเป็นโครงการที่มีระยะเวลา 6 เดือน ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดการฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนผู้นำชุมชนในการสร้างชุมชนของพวกเขาให้เติบโต และโครงการนี้ ยังคงเปิดรับสมัครในประเทศไทยไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ facebook.com/community/accelerator/

Facebook เชื่อมต่อชุมชน สร้างผลกระทบเชิงบวกศก.ไทย

โครงการ Community Accelerator เป็นวิวัฒนาการจากโครงการ Fellowship ของ Facebook ซึ่งให้การสนับสนุนผู้นำชุมชนจำนวน 115 คนทั่วโลก โดยผู้นำชุมชนเหล่านี้ รายงานว่า โครงการของพวกเขาทั้งหมด ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนจำนวนกว่า 1.9 ล้านชีวิต และเป็นจำนวนกว่า 580,000 ชีวิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเพียงภูมิภาคเดียว ด้วยการสนับสนุนชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ การใช้งานทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ และกิจกรรมที่สามารถเกิดขึ้นจริง ด้วยการสนับสนุนจากโครงการ ทั้งนี้ มีผู้คนจำนวนกว่า 2 แสนคน จากกว่า 50 ประเทศ รวมตัวกันแบบออฟไลน์ในอีเวนต์ พื้นที่ที่ปลอดภัย และประสบการณ์สร้างสรรค์ต่างๆ โดยมีการรายงานว่า 88% ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ได้นำสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ ไปปรับใช้จริงกับชุมชนของพวกเขา

หนึ่งในผู้นำกลุ่มชาวไทย ที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ Facebook Community Leadership Program ที่จัดขึ้นในปี 2561 คือ ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้นำจากกลุ่ม Run2gether (วิ่งด้วยกัน) ซึ่งผลสำเร็จเป็นรูปธรรมจากโครงการคือ การขยายการดำเนินงานของชุมชนจาก 4 พื้นที่ เป็น 10 พื้นที่ ส่งผลให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น โดยกลุ่ม Run2gether ได้จัดมหกรรมงานวิ่งในกรุงเทพฯ และมีชุมชนชาวต่างชาติเข้าร่วม มีการจัดกิจกรรมออกกำลังกายออนไลน์ให้กับนักวิ่งผู้พิการ 

ปัจจุบันกลุ่มวิ่ง มีการจัดกิจกรรมวิ่ง ที่นำนักวิ่งมารวมตัวกันมากกว่า 2,000 คน และขยายเครือข่ายไป 6 จังหวัด เข้าถึงนักวิ่งอาสาหรือไกด์รันเนอร์อีก 3,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการอยู่ร่วมกันของผู้พิการและไม่พิการในวงการวิ่งมากยิ่งขึ้น

Facebook เชื่อมต่อชุมชน สร้างผลกระทบเชิงบวกศก.ไทย

นายฉัตรชัย อภิบาลพูนผล กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนของเราสามารถเติบโต และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว การขยายชุมชนนักวิ่งออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ การร่วมกันสร้างพื้นที่ที่สนับสนุนการอยู่ร่วมกันของผู้พิการและไม่พิการ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ทุกคนได้ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเอง

กิจกรรมอื่นๆ ภายใต้โครงการ Community Leadership ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกของ Facebook ประกอบด้วย การนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือแก่ผู้นำชุมชน เกี่ยวกับโคโรน่าไวรัสที่มาจากองค์กรด้านสุขภาพ เช่น องค์การอนามัยโลก Learning Labs ซึ่งเชื่อมต่อแอดมินกลุ่ม ผ่านห้องเรียนดิจิทัลเ พื่อการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ Power Admin Groups ซึ่งได้รวบรวมผู้นำชุมชนกว่า 40,000 คน เข้าหากัน แบ่งปันคำแนะนำและเชื่อมต่อกับ Facebook เพื่อทดสอบและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และ Community Hub ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคน สามารถเข้าถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ รวมถึงการสัมมนาประจำเดือน ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเร็วๆ นี้

Facebook ยังจัดเสวนากลุ่มระหว่างผู้นำชุมชนชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่ม Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 ที่สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ผู้นำชุมชน Courageous Kitchen ที่สนับสนุนด้านการเข้าถึงอาหารแก่เยาวชนที่ด้อยโอกาสและมาจากชุมชนชายขอบ รวมถึงผู้ก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และแอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read) เพื่อผู้พิการทางด้านสายตา
 

Facebook เชื่อมต่อชุมชน สร้างผลกระทบเชิงบวกศก.ไทย

การเสวนากลุ่ม เน้นย้ำถึงความสำคัญของชุมชนและกลุ่มบน Facebook ในการเชื่อมต่อผู้คนเข้าหากัน และการที่ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น อีเวนต์ โพลล์ และ Stories ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมภายในกลุ่ม ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบัน โดย ปาณิศา จันทร์วิไล ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Courageous Kitchen ได้เล่าถึงการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันของอาสาสมัครของชุมชนผ่านการใช้งาน Workplace และเน้นย้ำถึงพลังของเครื่องมือออนไลน์อย่าง Facebook และ Instagram ซึ่งช่วยให้ชุมชน Courageous Kitchen สามารถเข้าถึงผู้คนได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และช่วยให้สมาชิกภายในชุมชนสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง

นายโชติวัน วัฒนลาภ แอดมินกลุ่ม Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และหลายภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปิดทำการ ช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook ได้มอบพื้นที่ ที่ทำให้ชุมชนยังเชื่อมต่อกันได้ ความสามารถในการสร้างการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้มองเห็นความหวังจากชาวไทยด้วยกัน

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และนายชลทิพย์ ยิ้มย่อง ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และแอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read) อธิบายว่า Facebook ได้ช่วยเหลือพวกเขาตั้งแต่วันแรก ในการสร้างความเป็นชุมชนและการสนับสนุนกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็นในประเทศ ปัจจุบันมีผู้ติดตามเพจ Read for the Blind จำนวนกว่า 190,000 คน และมีสมาชิกกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ อีกกว่า 19,000 คน โดยทั้งสองชุมชนได้รับประโยชน์จากเครื่องมือ เพื่อสร้างการเข้าถึงของ Facebook นอกจากนี้ แชทบ็อตบน Messenger ของ Read for the Blind ยังช่วยให้ชุมชนสามารถเชื่อมต่อกับอาสาสมัครได้มากขึ้นอีกด้วย

ในขณะที่ทั้งสองชุมชนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และชลทิพย์ ยิ้มย่อง ยังได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของผู้นำและสมาชิกในการสร้างบทสนทนาอย่างเป็นประจำและให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นร่วมกันของกลุ่มแก่สมาชิกทุกคน ซึ่งรวมถึงการแจ้งกฎในการใช้งานของกลุ่มอย่างเป็นประจำ และสนับสนุนโพสต์เชิงบวกและเป็นตัวอย่างที่ดีจากสมาชิกของกลุ่ม