Work@home ดัน   ‘สมาร์ทโฮม’ โต 3 เท่าตัว

04 เม.ย. 2563 | 07:12 น.

“โควิด-19” ดันสมาร์ทโฮมโต 3 เท่า “โรบอท เมคเกอร์” จัดทัพเครื่องสินค้า IOT บุกตลาด พร้อมปรับรับหลังบ้านสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ ขณะที่สมาร์ทวอช ซบหนักเหตุคนไม่ออกนอกบ้าน งดทำกิจกรรม กระทบยอดหดกว่า 30%

นายธรรมสร มีรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท อินโนเวชั่น อีทีซี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทวอช แบรนด์ TicWatch และ TicPods ในไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่าย เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและในครัวเรือนด้วยนวัตกรรม AI และ IOT เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจ และในส่วนของธุรกิจสมาร์ทวอชของบริษัทภายในแบรนด์ TicWatch นั้นก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากประชาชนไม่ออกไปทำกิจกรรมข้างนอก โดยตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดขายลดลง 30% ทำให้บริษัทต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานในหลายส่วน โดยหันโฟกัสกลุ่มสมาร์ทโฮมมากขึ้น พร้อมกับปรับการขายไปยังช่องทางออนไลน์เพื่อรองรับความต้องการในช่วงนี้

 

สมาร์ทวอชเป็นอุปกรณ์ที่คนส่วนใหญ่ใช้สำหรับทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การออกกำลังกายทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งแน่นอนว่าการระบาดดังกล่าวทำให้ประชาชนไม่ออกจากบ้านไปทำกิจกรรม และทำงานอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้กลุ่มสมาร์ทวอชมีการเติบโตลดลงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีบริษัทมีแผนที่จะร่วมกับเอไอเอสและดีแทค เปิดตัวสมาร์ทวอช Esim สมาร์ทวอชที่สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์โดยไม่ต้องใส่ซิมการ์ด โดยจะเปิดตัวทันทีหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากการใช้งานจำเป็นต้องไปเปิดการใช้งานที่ศูนย์ให้บริการเครือข่ายเท่านั้น

 

ขณะที่กลุ่มสมาร์ทโฮมหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านนวัตกรรม AI และ IoT ถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสวนกระแส โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตเพิ่มสูงถึง 3 เท่า โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดูดฝุ่นเติบโต 100% เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ทำงานหรือกักตัวอยู่ที่บ้าน อยากตกแต่งบ้านให้อยู่สบาย ทำให้สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งต่างๆเติบโตเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

 

ธรรมสร มีรัตน์

 

สำหรับบริษัทได้มีการนำเข้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวภายใต้บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัด ทั้งเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ออโต้บอท (Autobot) ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม IoT ,สินค้านวัตกรรม IoT ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน Smart Home และเครื่องฟอกอากาศ เข้ามาทำตลาดและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี โดยบริษัทได้เตรียมนำสินค้าใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มแมชีน เลิร์นนิ่ง, ระบบข้อมูล และหุ่นยนต์อัจฉริยะต่างๆเข้ามาทำตลาด เพื่อรองรับความต้องการและเทรนด์ในตลาดที่มีความเป็น IoT อย่างต่อเนื่อง

 

ไม่เพียงแต่ลูกค้าใหม่เท่านั้น หลังจากการเกิดการระบาดของโควิด-19 ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าของบริษัทไปใช้แล้ว ก็เริ่มโทรกลับเข้ามาเพื่อซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่บางส่วนเพื่อการใช้งานที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทำให้ช่วงนี้กลุ่มสมาร์ทโฮมสามารถสร้างยอดขายได้ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่”

พร้อมกันนี้ยังได้ปรับระบบการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น โลจิสติกส์ การจัดส่ง การขาย ไปยังช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีปรับเปลี่ยนการดำเนินงานไปยังช่องออนไลน์ไปแล้ว 90- 95% แล้ว เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและเทรนด์ของนวัตกรรม IoT ที่กำลังมาแรง ขณะที่ในส่วนของช่องทางออฟไลน์เป็นเพียงช่องทางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเท่านั้น เช่น การให้ประสบการณ์ลูกค้า การให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าจริงก่อนซื้อ อย่างไรก็ตามจากการปรับแผนงานดังกล่าวบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถในส่วนของสมาร์ทวอชจะสามารถรักษายอดขายที่ 1 หมื่นเรือนตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ได้ ขณะที่ในกลุ่มสมาร์ทโฮม มั่นว่าจะสามารรถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 100% อย่างแน่นอน

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,563 วันที่ 5-8 เมษายน 2563