เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก กับจังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมา ตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อทำการเปิดด่าน ได้มีประชาชนทะยอยเดินทางออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางออกและเข้า โดย พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก(ด่านแม่สอด) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ด่าน ตม.ตาก(แม่สอด) ได้เปิดช่องทางขาเข้าช่วยระบายตรวจขาออกไปยังประเทศเมียนมา ซึ่ง ทาง ผกก.ด่าน ตม.แม่สอด ได้ให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัด และนำเจลแอลกอฮอล์มาให้บริการทามือระหว่างการข้ามแดน เพื่อป้องกันการติดต่อและแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเหตุการณ์ทั่วไปปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงงานเมียนมาจำนวนมากต้องมายืนต่อแถวผ่านพิธีการหน้าด่านนับ 1,000 คน และบางส่วนเดินทางโดยเรือหางยาวตามท่าขนส่งสินค้า และท่าข้ามทางธรรมชาติอย่างเนืองแน่น บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย - เมียนมา (แม่สอด-เมียวดี) ทั้งนี้เพื่อเดินทางกลับไปยังเมียนมาที่เป็นภูมิลำเนาของตนเอง
แรงงานดังกล่าวมาจากสถานประกอบการที่หยุดกิจการทั่วในประเทศไทย และส่วนหนึ่งวิตกสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ที่อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และบางส่วนเนื่องจากหนังสือเดินทาง และบัตรอนุญาตทำงานหมดอายุ
แรงงานเมียนมาบอกว่า ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 แรงงานส่วนใหญ่อยากจะกลับบ้านก่อน และค่อยกลับมาใหม่หากเหตุการณ์ปกติ เพราะยังมีความจำเป็นที่จะกลับมาทำงานในประเทศไทย แต่ก็ยังคงมีแรงงานเมียนมาในประเทศไทยอีกจำนวนมากที่ไม่กลับไป ยังคงทำงานต่อ เว้นแต่สถานประกอบการจะเลิกจ้างหรือ หยุดกิจการ
ทางด้านจังหวัดเมียวดีนั้นได้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมียนมา ได้เข้มงวดแรงงานเมียนมา และชาวต่างชาติจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางไปเมียวดี โดยเฉพาะแรงงานเมียนมาที่มีหนังสือเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง จะต้องถูกกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการ และในส่วนของฝั่งไทยนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้ง ทหาร-ตำรวจ-ด่าน ตม.ตาก- ฝ่ายสาธารณสุข-ฝ่ายปกครอง ฯลฯ ได้มีการตั้งจุดร่วมในการเข้มงวดการเดินทางข้ามแดนของบุคคลอย่างต่อเนื่อง