MROดีลไม่จบขยับเวลา รับข้อเสนอแอร์บัส20เม.ยนี้
คณะกรรมการคัดเลือกโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ขยับรับเวลาเปิดรับข้อเสนอแอร์บัสออกไปอีก45วัน หลังถูกยื้อไม่ยื่นข้อเสนอร่วมทุนเมื่อวันที่6มีนาคมที่ผ่านมาโดยต่อรองขอหารือรายละเอียดทางเทคนิคร่วมกับผู้บริหารการบินไทยให้มากกว่านี้
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในช่วงเช้าของวันที่6มีนาคม2563 คณะกรรมการคัดเลือกโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ของการบินไทย ได้ขยับเวลาในการเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ออกไปจากวันที่6มีนาคม2563ไปเป็นวันที่20เมษายน2563
หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนธันวาคม2562 กำหนดให้เอกชน ซึ่งก็คือสสแอร์บัสมายื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับการบินไทยเมื่อวันที่6มีนาคม2563 ที่ผ่านมาแต่แอร์บัสไม่ได้มายื่นข้อเสนอร่วมทุน
การเลื่อนเวลาออกไป ไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะยังมีเวลาในการหาข้อสรุปการร่วมทุนระหว่างแอร์บัสและการบินไทย เนื่องจากโรงซ่อมเครื่องบินหรือแฮงก้าที่กว่ากองทัพเรือจะสร้างเสร็จก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแอร์บัสมีหนังสือมายังการบินไทย โดยยังแสดงเจตจำนงค์อยู่ถึงการร่วมลงทุนศูนย์ซ่อมร่วมกับการบินไทย แสดงว่าเขาก็ยังสนใจในโครงการนี้อยู่
อย่างไรก็ตามการร่วมทุนในสเกลระหว่างประเทศเช่นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แอร์บัสเป็นบริษัทข้ามชาติเขาต้องมีหลักเกณฑ์ มีวิธีการทำงานของเขา ดังนั้นถ้ายังไม่จบก็ยังต้องคุยกันต่อไป ซึ่งก็ต้องรอว่าในวันที่20เมษายนนี้แอร์บัสจะมายื่นข้อเสนอหรือไม่ ถ้าแอร์บัสไม่มายื่นการบินไทยก็มีแผนรับมือในเรื่องนี้อยู่แล้ว นายสุเมธ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านแหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เผยว่า ได้รับทราบว่าทางแอร์บัสขอหารือรายละเอียดทางเทคนิคร่วมกับผู้บริหารการบินไทยให้มากกว่านี้
โดยขอเวลาในการรับฟังรายละเอียดทางเทคนิค เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของข้อเสนอในการร่วมลงทุน ทำให้คณะกรรมการคัดเลือกฯจึงยืดหยุ่นเวลาให้อีก45วันในการเปิดให้แอร์บัสมายื่นข้อเสนอในวันที่20เมษายนนี้
ทั้งนี้การบินไทยได้ออกประกาศเชิญชวนและคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีการประมูล แต่ใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งแอร์บัสผ่านคุณสมบัติและ ต้องเข้ามายื่นข้อเสนอร่วมทุนกับการบินไทย
โครงการMRO มีมูลค่าโครงการอยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งกว่า 6 พันล้านบาทเป็นการลงทุนของภาครัฐโดยกองทัพเรือ ส่วนอีกราว 4 พันล้านบาท เป็นการร่วมลงทุนระหว่างการบินไทยและแอร์บัส ในสัดส่วน 50 : 50