การซื้อขายยางพาราระหว่างการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กับบริษัท โอเรียนน่า เวิลด์ รับเบอร์ จำกัด (บจก.)ที่ยังค้างชำระหนี้ กยท. กว่า 94 ล้านบาท สร้างความเสียหายให้แก่ กยท. ซึ่งในขณะนั้น นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ กรรมการ กยท.รักษาการแทน ผู้ว่าการ กยท. ได้มีคำสั่งลงนามแต่งตั้ง นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย รองผู้ว่าการด้านอุตสาหกรรมยางและผลิตยาง เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงที่มาของเรื่องนี้ว่า เริ่มจาก กยท.ตั้งหน่วยธุรกิจ หรือ บียู ดำเนินการขายยางพารา มีหน้าที่ซื้อยางชี้นำในตลาดกลาง เพื่อยกระดับราคายางในแต่ละวันให้สูงขึ้น เป็นไปตามนโยบายรักษาเสถียรภาพราคายาง เมื่อซื้อแล้วจะต้องหาพันธมิตรขายยาง ซึ่งได้รับการแนะนำจาก บจก.เอเชีย รับเบอร์ (ประเทศไทย) ให้ดึง บจก.โอเรียนน่า เวิลด์ รับเบอร์ เข้ามาเป็นคู่ค้าเพื่อรับซื้อยางพาราที่บียูประมูลมาได้ไปขายอีกต่อหนึ่ง
ทั้งนี้กระบวนการคือ ก่อนที่ กยท.จะเข้าไปประมูลยางในตลาดกลาง หน่วยธุรกิจจะติดต่อบริษัทคู่ค้าว่าจะสามารถรับซื้อยางในราคาที่เข้าไปประมูลได้หรือไม่ หากคู่ค้ายินดีรับซื้อในราคาดังกล่าว กยท.จะเข้าไปประมูลยางในตลาดกลาง เมื่อประมูลได้แล้ว ก็จะดำเนินการติดต่อบริษัทที่จะรับซื้อ ส่งใบสั่งซื้อ และ กยท.จะดำเนินการส่งเอกสารยืนยันราคา พร้อมใบแจ้งหนี้ให้กับบริษัทคู่ค้าและส่งใบขนส่งสินค้าให้แก่สำนักงานตลาดกลางยางพาราที่ประมูลได้ ซึ่งจากการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่พบว่าขาดการประสานงานกันจึงทำให้ไม่ทราบว่าบริษัทคู่ค้าไม่ปฏิบัติตามสัญญา
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทได้ทำการซื้อขายกับ กยท.มีใบแจ้งหนี้ จำนวน 29 ฉบับ โดย กยท.ได้ทำสัญญาขาย (ใบสั่งซื้อ เอกสารยืนยันราคา ใบแจ้งหนี้ ใบขนส่งสินค้า) ระบุให้บริษัทต้องชำระมัดจำล่วงหน้า 10% ณ วันส่งมอบยาง ส่วนที่เหลือ 90% ต้องชำระภายใน 30 วัน หลังรับมอบยาง คณะกรรมการได้ตรวจสอบการชำระค่ายางแล้วพบว่าบริษัทมีการชำระค่ายางแล้วกว่า 21 ล้านบาท (กราฟิกประกอบ) แต่ไม่เป็นไปตามที่ระบุสัญญาไว้ เป็นเหตุให้เกิดหนี้ค้างชำระสะสมกว่า 94 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี การใช้เงินเข้าประมูลซื้อยางได้ใช้งบประมาณตามมาตรา 49(3) พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และเข้าประมูลซื้อยางภายใต้บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด และซื้อขายยาง ของ กยท.ภายใต้งบประมาณตามมาตรา 49(1) เป็นความเสียหายต่อเงินเซสส์ซึ่งเป็นเงินที่เก็บจากการส่งออกยางและหักจากเกษตรกร 2 บาทต่อกิโลกรัม เป็นการละเลยให้เกิดขึ้นอย่างผิดระเบียบซํ้าๆ กันในสัญญาถึง 29 ฉบับและชำระไม่ตรงตามสัญญา เรื่องดังกล่าวนี้ได้ส่งให้นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานบอร์ด กยท.ให้ตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
“ในรายละเอียดชั้นคณะกรรมการสอบสวนเมื่อสอบข้อเท็จจริงแล้ว ได้ระบุว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอตรวจสอบเอกสารจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การสอบตรวจธุรกรรมทางการเงินของบัญชีเงินฝากธนาคารในธนาคารพาณิชย์ บัญชี รายรับรายจ่ายของ บจก.โอเรียนน่า เวิลด์ รับเบอร์ จึงไม่สามารถมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ของ กยท.มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นควรที่ให้เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป”
อนึ่ง ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ บริษัท โอเรียนน่า เวิลด์ รับเบอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีที่ตั้ง เลขที่ 268/26 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย1) พลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ คณะกรรมการมี 3 คน ได้แก่ นายจรุพล บางเหรียง 2.นางสาวสุพรรษา บางเหรียง และนางสาวมัณฑิรา พิบูลธรรมศักดิ์
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2563