ถอดบทเรียนแบรนด์ 'เป๊ก ผลิตโชค' จากกลุ่มนุช

     จากกระแสแฮชแท็ก #เคาท์ดาวน์มหาสนุก ในโลกทวิตเตอร์ที่เหล่านุช หรือแฟนคลับของ 'เป๊ก ผลิตโชค' ได้รวมพลังออกมาทวีตกันอย่างล้นหลาม ถึงความไม่พอใจที่ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้ทำการตัดรอบการแสดงโชว์ออกไป 1 รอบจากเดิมที่ทางศูนย์การค้าฯโฆษณาว่า “เป๊ก ผลิตโชค” จะขึ้นแสดง 2 ช่วงในงาน คือเวลา 19.00-20.00 น. และ 23.40-23.50 น. และลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท จะได้รับสิทธิ์เข้าไปชมการแสดงในโซนที่จัดให้แฟนคลับโดยเฉพาะ แต่แล้วในช่วงนาทีสุดของการเคาท์ดาวน์ “เป๊ก ผลิตโชค” กลับไม่ได้ขึ้นโชว์ในรอบ 23.40-23.50 น. ตามโฆษณาที่ศูนย์การค้ากล่าวอ้างโฆษณา

     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้เหล่าแฟนคลับของ 'เป๊ก ผลิตโชค' ไม่พอใจอย่างมาก เพราะเหมือนถูกเอาเปรียบจากทางศูนย์การค้า และได้รวมพลังทวีต #เคาท์ดาวน์มหาสนุก ขึ้นจนกระทั่งทางศูนย์การค้าไม่สามารถอยู่เฉยได้จึงรีบออกมาโพสต์ขอโทษเหล่าแฟนคลับของ 'เป๊ก ผลิตโชค' ทันที

Ultra Ifluencer ทรงพลัง

     ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตร Master in Branding and Marketing ภาษาอังกฤษ และอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีกระแสแฮชแท็กติดอันดับ #เคาท์ดาวน์มหาสนุก หรือ #มูนคาเฟ่ชั้นต่ำ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นับเป็นตัวสะท้อนถึงโลกการตลาดยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี  เพราะในปัจจุบันนอกจากนักการตลาดจะต้องรอบรู้เรื่องเทรนด์ เครื่องมือการตลาด และการสื่อสารแล้ว นักการตลาดควรต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องกลยุทธ์การใช้พรีเซนเตอร์ หรืออินฟูลเอนเซอร์ด้วย และช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากเหตุการณ์แฮชแท็กติดอันดับข้างต้นดังกล่าวทำให้ได้รู้ว่าการใช้ Ultra Influencer มีอิทธิพลต่อแบรนด์มากน้อยแค่ไหน

     “กรณีของ เป๊ก ผลิตโชค ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นตัวอย่างที่แบรนด์ต่างๆ และนักการตลาดควรต้องทำความเข้าใจว่ายุคนี้โลกการตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และต้องเรียนรู้การบริหารจัดการอินฟูลเอนเซอร์ให้ดี  ซึ่งไม่เพียงแต่นำเขามาใช้งานเท่านั้นแต่ต้องปฏิบัติกับเขาให้เหมือนเพื่อน และกรณีของเป๊ก ผลิตโชค ก็นับเป็น Ultra Influencer ที่มีกลุ่มนุช หรือแฟนคลับเหนียวแน่น รักและปกป้องศิลปินอย่างมาก รวมถึงให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป๊ก ผลิตโชค เป็นพรีเซนเตอร์ทุกตัวและพร้อมจะปกป้องแบรนด์แทนทุกเมื่อ  แต่หากแบรนด์ที่ว่าจ้างหรือแบรนด์พันธมิตรทำไม่ดีต่ออินฟูลเอนเซอร์ที่เขารักแบรนด์นั้นก็อาจจะเจอวิกฤตได้ทันที”

     ขณะเดียวกันในอดีตนักการตลาดจะเข้าใจตรงกันว่าหากใช้พรีเซนเตอร์ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย จะทำให้ศิลปินหรือพรีเซนเตอร์แบรนด์นั้นไม่ได้รับความสนใจมากพอ  ซึ่งเรื่องนี้ก็นับเป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งสำหรับการตลาดในยุคนี้  ส่วนตัวเชื่อว่าหากพรีเซนเตอร์ หรืออินฟูลเอนเซอร์ คนนั้นมีวิธีการเลือกแบรนด์และอุตสาหกรรมธุรกิจได้ดีพอ  นอกจากไม่ทำให้แบรนด์ช้ำแล้วยังจะได้รับการสนับสนุนโดยการบอกต่อแบรนด์อีกด้วย  นอกจากนี้นักการตลาดต้องศึกษาเรื่องของ PR Value ด้วยว่าการใช้พรีเซนเตอร์นั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ โดยมีปัจจัยพิจารณา 2-3 ด้าน คือ 1.รายได้การซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เป็นเท่าไร 2.บอกต่อแบรนด์นั้นหรือไม่ และ 3.ปกป้องแบรนด์ได้มากน้อยแค่ไหน

ย้อนรอย เป๊ก ผลิตโชค 

     ย้อนไปในช่วงเวลา 4-5 ปีก่อน เป๊ก ผลิตโชค อาจเป็นที่รู้จักในกลุ่มแฟนคลับกลุ่มเล็กๆเท่านั้น และยังไม่มีคนรู้จักมากเท่ากับในปัจจุบัน  แต่เมื่อปี 2017 หลังจาก เป๊ก ผลิตโชค ได้เข้าประกวดรายการ The Mask Singer  กลับทำให้ผู้ชายคนนี้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง และไม่ใช่เพียงมีแค่กลุ่มแฟนคลับของเขาเท่านั้นที่ติดตาม แต่ยังมีแฟนคลับคนอื่นๆติดตามเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และสิ่งที่ทำให้กลุ่มแฟนคลับ เป๊ก ผลิตโชค เลือกติดตามผู้ชายคนนี้โดยเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าเพราะ เป๊ก ผลิตโชค เป็นศิลปินที่มีความสามารถ อัธยาศัยดี และมีน้ำใจ

     ทั้งนี้ในช่วงระหว่างปี 2017 -2019 เป๊ก ผลิตโชค ได้รับการว่าจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาไปแล้วเกือบสิบตัว อาทิ AIS ,โออิชิ องุ่นเคียวโฮ , BeautinaThailand , GIFFARINE , Muang Thai Life , เลย์ , น้ำแร่ Be SNApP , Fruita สมูทตี้น้ำผลไม้ , คัพเค้กกล้วยหอม เลอแปง เป็นต้น

นุช คืออะไร ?

     นุช เป็นชื่อเรียกที่ ผลิตโชค ใช้เรียกบรรดาแฟนคลับสาวๆ ของตัวเอง  โดยคำว่า นุช หมายถึง น้องสาว หรือ หญิงสาวอันเป็นที่รัก  และเมื่อนุช มีจำนวนเยอะขึ้น จึงกลายเป็น นุชes (คือเติม es ให้เป็นรูปพหูพจน์)  ขณะที่คำว่านุชา มาจากคำว่า อนุชา ที่แปลว่าน้องชาย เอาไว้เรียก แฟนคลับที่เป็นผู้ชาย นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับเพศที่ 3  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะเรียกแทนตัวเองว่า นิชนุช