นายณัฐพล ไตรณัฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซเคิล คัลเจอร์ โชว์ จำกัด ผู้จัดงาน "แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล ครั้งที่ 12" (Bangkok Motorbike Festival 2020 หรือ BMF 2020) ที่จัดขึ้นระหว่าง 15-19 มกราคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ เปิดเผยว่า การจัดงานยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Culture of Ride” ที่จะพาคนรักมอเตอร์ไซค์มาร่วมกันค้นหาจุดกำเนิดของวัฒนธรรมการขับขี่ และพัฒนาวงการมอเตอร์ไซค์ของเมืองไทยจากอดีตมาถึงปัจจุบัน โดยได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์การค้า Central World, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และภาคธุรกิจต่างๆ
ไฮไลท์การจัดงานในปีนี้ ได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ทั้งด้านในห้างเซ็นทรัล เวิลด์และ ลานกิจกรรมด้านหน้าห้าง โดยแบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย Moto Villa, Bangkok Custom Bike Competition, Moto Market และ Moto Garden
สำหรับ Moto Villa บริเวณ Square A มีพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร สามารถจอดมอเตอร์ไซค์กว่า 500 คัน และมี กิจกรรมไฮไลท์จากคลับต่างๆ อาทิ กิจกรรม Japanese Retro จากกลุ่ม Old Timer Suite พบกับมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นในยุคปี 1980-1990 และพบกับช่างซ่อมและช่างทำมอเตอร์ไซค์ฝีมือคุณภาพจากทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ช่างตีท่อไอเสีย, ช่างทำเบาะ, ช่างทำถังน้ำมัน ฯลฯ นำเสนอโดยกลุ่ม Bangkok Custom Builders , สัมผัส Motorcycle Performance มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์แรง ซึ่งถูกติดตั้งเทอร์โบหรือติดตั้งซูเปอร์ชาร์จ เพื่อนำไปใช้ลงแข่งขันในสนามแข่งโดยเฉพาะ พร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับช่างตัวจริง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หรือต่อยอดการทำธุรกิจ
โซนต่อมาBangkok Custom Bike Competition บริเวณ Square B พื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร มีกิจกรรมไฮไลท์คือการประกวดมอเตอร์ไซค์ตกแต่ง 10 คลาส จำนวน 46 คันที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกูรูมอเตอร์ไซค์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ออสเตรเลีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้คัดเลือกและจะมาร่วมตัดสินหาผู้ชนะเลิศ นอกจากนั้นแล้วยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ ทอล์กโชว์จากกูรู มอเตอร์ไซค์, กิจกรรมพิเศษจากสนามไทยแลนด์เซอร์กิต, การเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ เป็นต้น
โซน Moto Market บริเวณ Square C พื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร ที่จะรวบรวมบู๊ธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มาพร้อมโปรโมชันพิเศษแบบล้างสต๊อกสินค้าภายในงานกว่า 60 บู๊ธ อาทิ น้ำมันเครื่อง, เครื่องมือช่าง, อุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ และคอลเลคชั่นเครื่องแต่งกาย
โซนสุดท้ายคือ Moto Garden บริเวณ Square D พื้นที่ 600 ตารางเมตร มาพร้อมบรรยากาศย้อนยุคสไตล์ Vintage โดยผู้เข้าชมในงานสามารถนั่งชิล ,เดินช็อป ภายใต้บรรยากาศวินเทจ ,อิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู
ส่วนพื้นที่จัดแสดงภายในศูนย์การค้า จำนวนกว่า 8,000 ตารางเมตร ชั้น 1 และ 2 จะเป็นการออกบู๊ธของค่ายมอเตอร์ไซค์ 15 แบรนด์ ประกอบด้วย AJ, BMW, Cub House by Honda, ETRAN, Edison Motors, Ducati, Harley-Davidson, Indian, Kawasaki, MV Agusta, Royal Enfield, Triumph, Victory, Yamaha และ Zero Engineering รวมถึงร้านจำหน่ายอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง เครื่องแต่งกาย
ในปีนี้ยังมีผู้ประกอบการชิ้นส่วนอะไหล่มอเตอร์ไซค์รายใหญ่จากไต้หวัน เช่น ระบบเบรก หมวกกันน็อค เครื่องมือช่าง มาออกบู๊ธบริเวณชั้น 2 เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และมาหาพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อตอบเทรนด์มอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทในเมืองไทย โดยจัดการประกวด “Custom Bike มอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า” เช่น ออกแบบเฟรมตัวถัง การดัดแปลงมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ให้มาเป็นมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะมานำเสนอระบบชาร์จแบตเตอรี่ และแอพพลิเคชั่นที่คิดค้นเพื่อใช้ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า มั่นใจว่า ยอดจองมอเตอร์ไซค์ภายในงานจะทำได้กว่า 500 คัน มีผู้เข้าชมงานกว่า 7 แสนคน เม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 600 ล้านบาท โดยรวมยอดขายอุปกรณ์ตกแต่ง คอลเลคชั่นแต่งกาย และสินค้าบริการต่างๆ ไว้ด้วย