ท็อปฟอร์ม ปี 62 “โออิชิฯ” โชว์ยอดขาย 1.3 หมื่นล.

27 ธ.ค. 2562 | 10:06 น.

โออิชิ กรุ๊ปฯ เผยกลยุทธ์ ดิจิตอล,ความคุ้มค่าคุ้มราคา และการสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน ดันผลงานสุดท็อปฟอร์ม ปี 2562 โกยยอดขายกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% จากปีก่อน สวนทางตลาดชาพร้อมดื่มเมืองไทย

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทประจำปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2562)  พบว่ามีรายได้รวม 13,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2%  เมื่อเทียบกับปีก่อน  แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 6,501 ล้านบาท เติบโต 8.6% และรายได้จากธุรกิจอาหาร 7,130 ล้านบาท เติบโต 7.9% ขณะที่กำไรสุทธิรวมของบริษัทเท่ากับ 1,229 ล้านบาท เติบโต 21.9% เมื่อเทียบกับ ปีก่อน โดยแบ่งเป็นผลกำไรจากธุรกิจเครื่องดื่ม 869 ล้านบาท เติบโต 12.6% และผลกำไรจากธุรกิจอาหาร 360 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดที่ 52.4%

ท็อปฟอร์ม ปี 62  “โออิชิฯ” โชว์ยอดขาย 1.3 หมื่นล.

สำหรับภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่ม มูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มในช่วงปีงบประมาณ 2562 มีการฟื้นตัว โดยเติบโต 2.2% ขณะที่รายได้ของธุรกิจเครื่องดื่มของบริษัทเติบโตมากกว่าการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่มโดยรวม เนื่องมาจากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จนครองแชมป์ผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศอย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 44.6% ประกอบกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายเครื่องดื่มในตลาดต่างประเทศที่ 15% ทั้งนี้ ในส่วนผลกำไรก็เติบโตด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและการวางแผนใช้งบการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ในส่วนธุรกิจอาหารก็เติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการเปิดสาขาใหม่ และการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม ประกอบกับการมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งในปีที่ผ่านมาร้านอาหารมีสาขาเพิ่มขึ้นสุทธิ 14 สาขา โดยส่วนมากเป็นสาขาของร้านชาบูชิ ร้านคาคาชิ และร้านโออิชิ อีทเทอเรียม ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหาร ณ สิ้นรอบบัญชีปี 2562 ทั้งสิ้น รวม 266 สาขา

ท็อปฟอร์ม ปี 62  “โออิชิฯ” โชว์ยอดขาย 1.3 หมื่นล.

 อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้แก่ 1. การรุกช่องทางดิจิตัล รองรับการขยายตัวของตลาดเดลิเวอรี่ของกลุ่มธุรกิจอาหาร พร้อมตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในยุคนี้  2. การให้ความคุ้มค่ากับผู้บริโภค โดยคำนึงถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่มอบให้ผู้บริโภค รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น 3. การทำการตลาดและสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่สร้างความแปลกใหม่ตื่นเต้นให้แก่ผู้บริโภค และ 4. การใส่ใจต่อการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นพัฒนาด้านต่าง ๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ แพคเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  นอกจากนั้นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงแข็งแรงก็คือ “พนักงาน”