‘พปชร.’จัดทัพใหม่ เสริมแกร่งรัฐนาวา‘บิ๊กตู่’

26 ธ.ค. 2562 | 03:30 น.

 

ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา วาระสำคัญครั้งนี้อยู่ที่การเพิ่มสัดส่วนกรรมการบริหารพรรค จากที่มีอยู่เดิม 24 คน เป็น 34 คน

โดยมีกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมลาออกไป 7 คน ก่อนจะมีการเลือกเพิ่มมาอีก 17 คน และมีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพิ่ม 2 คน คือ นายอนุชา นาคาศัย และ นายไพบูลย์นิติตะวัน

ทว่า..เบื้องหลังกว่าจะได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีกระแสข่าวออกมาต่อเนื่องว่า มีการล็อบบี้ไปยังผู้มีอำนาจในพรรคอย่างเข้มข้น

เดิมทีเดียวการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ มีความพยายามของบิ๊กป้อม-พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ ได้แรงหนุนจากแกนนำกลุ่มสามมิตรซีกของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ นายอนุชา นาคาศัย ..ชัยนาท เสนอให้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมลาออกทั้งหมด แล้วมีการเลือกตั้งกันใหม่ โดยหวังผลักดันคนของตัวเองให้ได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็นเสียงข้างมาก

แต่กลุ่มของ4 กุมาร”  ที่ขึ้นตรงกับนายสมคิด จาตุศรี-พิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อันประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยา- ศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ไม่ยอมจะให้มีกรรมการบริหารพรรคจำนวนเท่าเดิม ทำให้มีการประนีประนอมกัน ด้วยการเพิ่มจำนวนกรรมการบริหารพรรคอีก 10 คน รวมเป็น 34 คน

ที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการแต่งตั้ง กรรมการบริหารพรรคใหม่ 17 คน แต่กรรมการบริหาร สาย4 กุมารและสุริยะยังกุมเสียงส่วนใหญ่ที่ 20 เสียง ทำให้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ยังรักษาตำแหน่งหัวหน้าพรรค เช่นเดียวกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้นั่งเลขาธิการพรรคเหมือนเดิม โดยมีนายสุริยะ สนับสนุนเต็มที่

ภาพการช่วงชิงตำแหน่งฝ่ายบริหารในพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันคนในกลุ่มของตนเองเข้ามาคุมฐานอำนาจให้มากที่สุด

โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาลที่กำลังขับเคลื่อนนโยบายมัดใจประชาชนระดับฐานรากและระดับกลางขึ้นไป ให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งส่งผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งซ่อม และการเลือกตั้งในสมัยหน้า

ตัวบ่งชี้ที่สะท้อนภาพความแข็งแกร่งของนโยบายรัฐบาล ที่ชัดเจนล่าสุด น่าจะเป็นชัยชนะจากสนามเลือกตั้งซ่อมส..เขต 7 ขอนแก่น ที่ชาวขอนแก่นเทคะแนนให้สมศักดิ์ คุณเงินให้มาเหนือคู่แข่งอย่างธนิก มาสีพิทักษ์จากเพื่อไทย ด้วยคะแนน 40,252 ต่อ 38,010 คะแนน ห่างกันมากถึง 2,242 คะแนน

ชัยชนะอย่างถล่มทลายครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เสียง ไม่นับรวม 4 เสียงของ4 งูเห่าจากพรรคอนาคตใหม่ และอีก 4 เสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีใจเอนเอียงมาทางฝ่ายรัฐบาล เหตุได้จากการโหวตเรื่องสำคัญๆ ในสภา

 

‘พปชร.’จัดทัพใหม่  เสริมแกร่งรัฐนาวา‘บิ๊กตู่’


 

 

ดูเหมือนว่าชัยชนะของพลังประชารัฐครั้งนี้ไม่เกินความคาดหมายของแกนนำพรรค ที่ประเมินจากผลตอบรับจากประชาชนระดับฐานราก จากนโยบายการประกันราคาพืชผลการเกษตร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการชิม ช้อป ใช้ที่ออกมากระตุ้นให้ประชาชนมีการจับจ่ายและเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ก่อนมีการเลือกตั้งซ่อมส..ขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา

แน่นอนว่า เมื่อพลังประชารัฐเผยโฉมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เป็นโอกาสดีที่จะได้โชว์ศักยภาพและสร้างความมั่นใจในการเลือกตั้งซ่อม แทนนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีตส..เขต 5 จังหวัดสมุทรปราการ ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบเหลือง และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะคนใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ แต่ต้องรอผลจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งก่อน

รวมถึงกรณี ... ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ..กำแพงเพชร ที่ตกเป็นจำเลยคดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน เมื่อปี 2552 แม้จะยังมีสถานะเป็นส.. สามารถโหวตในสภาได้ แต่ไม่มีความคุ้มกันหรือสิทธิที่จะไม่ถูกนำตัวไปดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ อนาคตย่อมหนีไม่พ้นมีการเลือกตั้งซ่อมแน่นอน

จึงเป็นความท้าทาย และน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนโลโก พลังประชารัฐ จากสัญลักษณ์รังผึ้งหกเหลี่ยมลายธงชาติ เป็นวงกลมที่แสดงถึงความกลมเกลียว ไร้เหลี่ยมคมทิ่มแทงตัวเอง จะเป็นจริงหรือไม่

เมื่อเทียบกับพลังของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีแนวโน้มจะอ่อนแอลงทุกขณะ จากปัญหาภาย ในของพรรคเพื่อไทย และความอยู่รอดของพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำคนสำคัญ

อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร

ประโยคเด็ดจากปากบิ๊กตู่-พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่สื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล ยกให้ เป็นวาทะแห่งปี ดูเหมือนไม่ไกลความจริง!!

 

 

34 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ

1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค

2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค

3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค

4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค

5.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์

6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

7.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

8.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

9.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์

10 .นายอนุชา นาคาศัย

11 .นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

12.นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ

13.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์

14.นายอิทธิพล คุณปลื้ม

15.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ

16.นายชวน ชูจันทร์

17.นายสันติ กีระนันท์

18. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

19.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

20.นายสันติ พร้อมพัฒน์

21.นายสุพล ฟองงาม

22...ธรรมนัส พรหมเผ่า

23.นายวิรัช รัตนเศรษฐ

24.นายสุชาติ ชมกลิ่น

25.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์

26.นางประภาพร อัศวเหม

27.นายนิโรธ สุนทรเลขา

28. นายไพบูลย์ นิติตะวัน

29.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ

30.นายสกลธี ภัททิยกุล

31.นายไผ่ ลิกค์

32.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์

33.นายสุรชาติ ศรีบุศกร

34.นายนิพันธ์ ศิริธร

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,534 วันที่ 26-28 ธันวาคม 2562

‘พปชร.’จัดทัพใหม่  เสริมแกร่งรัฐนาวา‘บิ๊กตู่’