ปตท.ปูพรมดีเซล B10 UltraForce ถูกกว่า 2 บาท

19 ธ.ค. 2562 | 09:35 น.

 

ปตท.เดินหน้าขายดีเซล B10 สูตร  UltraForce ถึง 300 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และครบทุกปั๊มมีนาคมปีหน้า ชูคุณภาพสูงแต่ราคาถูกกว่าดีเซลปกติ 2 บาท

ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ผู้บริหารแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น สนองนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนน้ำมันดีเซล B10 ด้วย PTT UltraForce Diesel B10 ที่ราคาประหยัดกว่าน้ำมันดีเซลปกติ 2 บาท

นายบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเห็นชอบให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของประเทศไทย แทนน้ำมันดีเซล B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยให้น้ำมันดีเซล B7 และ B20 กลายเป็นน้ำมันทางเลือก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ปัจจุบันพบว่าจำนวนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลมีประมาณ 10 ล้านคัน และเป็นรถยนต์ที่ค่ายรถยนต์รับรองว่าใช้ B10 ได้ประมาณ 5.2 ล้านคัน หรือครึ่งหนึ่งของรถดีเซลทั้งหมด โดยผู้ค้าน้ำมันที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมัน B10 มีความพร้อมและสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของภาครัฐ นโยบายดังกล่าว PTT Station ได้เตรียมแผนงานเพื่อรองรับ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยนำร่องจำหน่ายน้ำมันดีเซล B10 เป็นเจ้าแรกที่ พีทีที สเตชั่น อีสต์เทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี และมีแผนขยายสถานีบริการที่มีจำหน่ายเป็น 300 แห่งภายในปี 2562 และจะมีจำหน่ายที่สถานีบริการ PTT Station ทุกแห่งในเดือนมีนาคม 2563

ทั้งนี้ น้ำมันดีเซล PTT UltraForce Diesel B10 ใช้น้ำมัน B100 คุณภาพสูง ที่มีความบริสุทธิ์กว่า และได้รับการรับรองจากสมาคมรถยนต์ญี่ปุ่น (JAMA) อีกทั้งยังผสมสารเติมแต่งมาตรฐานเดียวกับน้ำมัน PTT UltraForce Diesel จึงมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับน้ำมันดีเซลปกติ (B7) เพราะมีสารเพิ่มค่าซีเทน ทำให้อัตราเร่งดี และผสมสารทำความสะอาด ป้องกันการอุดตันของหัวฉีด ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี คืนกำลังให้กับเครื่องยนต์ รองรับทั้งรถรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กและกลาง ที่สำคัญยังมีความคุ้มค่าเพราะมีราคาถูกกว่าถึง 2 บาทต่อลิตร

ประการต่อมา PTT UltraForce Diesel B10 ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะช่วยลดควันดำได้ถึง 42% และช่วยลด PM 2.5 ได้กว่า 300 ตันต่อปี ที่สำคัญช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน สร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก และลดการนำเข้าน้ำมันดิบ สร้างสมดุลให้เศรษฐกิจไทย

“สถาบันนวัตกรรม ปตท.ได้ทำการทดสอบสมรรถนะ PTT UltraForce Diesel B10 แล้วพบว่าไม่มีผลต่อเครื่องยนต์ที่เป็นชิ้นส่วนโลหะ พลาสติก ยาง ไม่ต่างจากน้ำมันดีเซลปกติ เช่นเดียวกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงและหล่อลื่นเครื่องยนต์ก็ไม่เกิดผลกระทบใดๆ และเมื่อทดสอบผ่านระบบ Dyno Test พบว่าค่ากำลังและแรงบิดเมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซล B7 ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยใกล้เคียงน้ำมันดีเซล B7 ที่ 12 กิโลเมตร/ลิตร”นายบุญมา กล่าว