ASEANTA กางแผน จูงใจ120ล้านทัวริสต์เพิ่มวันเที่ยว

        เป็นเวลาร่วม 30 ปีมาแล้ว ที่คนไทยห่างหาย จากการเข้าไปมีบทบาทในการนั่งเก้าอี้ ประธานสมาคมท่องเที่ยวอาเซียน หรืออาเซียนต้า (ASEANTA : ASEAN Tourism Association) ทั้งๆ ที่สมาคมนี้มีบทบาทสำคัญ เพราะสมาชิกล้วนเป็นสมาคมด้านการท่องเที่ยวของ 10 ประเทศอาเซียน อาทิ สมาพันธ์บริษัท นำเที่ยวอาเซียน (FATA), International Hotel & Restaurant Association (IHRA) สายการบินหลักในอาเซียน รวมถึงองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ แต่จากนี้คนไทยจะรู้จักอาเซียนต้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำงานเชิงรุกที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การขับเคลื่อนของ นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี ประธานสมาคมท่องเที่ยวอาเซียน

มิ่งขวัญ เมธเมาลี

ดึงอาเซียนต้าบุกอีอีซี

     แม้ “มิ่งขวัญ” จะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งประธานอาเซียนต้าเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ แต่ก็สามารถผลักดันให้เกิดการจัดงาน “อาเซียนต้า คอนเฟอเรนซ์ 2019” ที่พัทยา ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นครั้งแรกของไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะวนจัดกันอยู่ในสิงคโปร์และมาเลเซีย การดึงงานนี้มาจัดในเมืองไทย ได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีผู้นำระดับประธานสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ ในอาเซียนกว่า 15 คนเข้ามาร่วมประชุม รวมถึงสมาชิกรวมกว่า 159  ราย และ 23 องค์กรเข้าร่วมงาน 

      คณะกรรมการอาเซียนต้า จะใช้เวทีนี้หารือถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว Asean As One ที่จะผลักดันให้เกิดแคมเปญอาเซียน พลัส กระตุ้นให้คนเดินทางเที่ยวกันเองในอาเซียน และการโปรโมตให้ตลาดระยะไกล อย่างยุโรป เที่ยวในอาเซียน และอาเซียนต้า จะลงนาม MOU ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน

      อย่างไรก็ตามการจัดงานนี้อยู่ภายใต้ธีม ASEAN “B-Sustainability” หรือการท่องเที่ยวยั่งยืน เน้นการจัดงานที่ไม่ใช้กระดาษ แต่ใช้เทคโนโลยี เช่น การลงทะเบียนทางออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชัน BizConnect ซึ่งทีเส็บให้การสนับสนุนสร้างให้เกิดบิ๊กดาต้าในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ อีกทั้งการจัดงานนี้ในพัทยา เราก็มองที่จะอัพเดตให้อาเซียนมองเห็นความเปลี่ยน แปลงในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยง การมองโอกาสในการเข้ามาลงทุน

      ดังนั้นจะนำสมาชิกไปท่าเรือแหลมฉบัง ไปดูพื้นที่ซึ่งรัฐจะผลักดันเรื่องของครูซ เทอร์มินัล ที่ในอนาคตจะส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ จาก สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย การไปชมท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่รัฐมีโครงการขยายสนามบิน ที่จะส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทางอากาศระหว่างไทยและประเทศต่างๆ ในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น

        รวมถึงโฟกัสการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งจะพาสมาชิกไปชุมชนตะเคียนเตี้ย และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Frost Magical Ice เพื่อนำเสนอให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของพัทยาไม่ได้มีแต่เรื่องของไนต์ไลฟ์ แต่มีความพร้อมในการรองรับกลุ่มครอบครัว และกลุ่มตลาดไมซ์ นอกจากนี้ยังมีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อ 159 รายจากอาเซียน ผู้ซื้อ 40 รายจากกรุงเทพฯ กับผู้ขายที่จะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อย่าง พัทยา ระยองด้วย

ขยายผลจัดงาน4ครั้งปีหน้า

      ทั้งนี้การจัดงานภายใต้ธีม asean b- sustainability  จะเป็นโมเดลต้นแบบ ที่อาเซียนต้าจะนำไปขยายผลการจัดงานแบบนี้ในปีหน้าอีก 4 งานที่จะจัดในไทย ได้แก่ ภาคเหนือ (festival theme)  ภาคใต้ (Muslim theme)  ภาคตะวันออก (sport city) ที่จ.ระยอง และภาคตะวันออก (food & fruits festival) ที่จ.ระยอง และทุกเส้นทางจะมีการเชื่อมโยง การท่องเที่ยวไปในกลุ่มประเทศ อาเซียน เพื่อให้เพิ่มรายได้ เชื่อมโยงการพัฒนา ประชาคมอาเซียน ด้านการท่องเที่ยวทุกภาคส่วน

“การท่องเที่ยวของอาเซียนจากข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) พบว่าปีที่ผ่านมาขยายตัว 6% ขณะที่ภูมิภาคอื่นดร็อปลงไป ดังนั้นการร่วมมือกันระหว่างอาเซียนจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และความร่วมมือก็จะขยายต่อเนื่องไประหว่างอาเซียน-จีนและอาเซียน-อินเดีย ที่ก็อยากมีความร่วมมือระหว่างกันในการส่งเสริมการท่องเที่ยว”

หวังต่อยอดวิสิตอาเซียนเยียร์

         จุดโฟกัสในการทำงานตน จะเน้นทำให้อาเซียนต้าทำใน 3 เรื่อง ที่จะทำให้เป็นรูปธรรม คือ 1. การทำมาร์เก็ตติ้ง แคมเปญ อาเซียนพลัส ส่งเสริมให้อาเซียนเที่ยวกันเอง (Intra ASEAN) ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับแอร์เอเชีย ทำแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน ตั๋วเครื่องบินรวมห้องพัก 2 คืน ราคาเริ่มต้นที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ หวังกระตุ้นการเพิ่มวันพัก 2 คืนต่อประเทศ ที่คาดว่าน่าจะเปิดตัวได้ต้นปีหน้า ซึ่งอาเซียนมีการเดินทางเที่ยวกันเองอยู่แล้วกว่า 120 ล้านคนต่อปี จากประชากร 10 ประเทศรวมกันกว่า 600 ล้านคน การทำราคาจูงใจก็กระตุ้นให้เกิดความถี่ในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เฉพาะในไทยคาดว่าจะมีการเดินทางมาเที่ยวเพิ่มไม่ตํ่ากว่า 10%

       การผลักดันให้ตลาดระยะไกลเที่ยวอาเซียน ซึ่งปกติคนจากนอกอาเซียน จะมาเที่ยวอาเซียน 1 ประเทศต่อทริป อยู่ที่ 9 คืน 12 วัน (ไม่นับการนอนบนเครื่องบิน) เราจึงจะเน้นโปรโมตให้คนเดินทางเที่ยวเชื่อมโยงเพิ่มอีก 2-3 ประเทศ เพื่อเพิ่มจำนวนวันเดินทางให้เป็น 12 คืน 15 วัน (ไม่นับการนอนบนเครื่องบิน) เราต้องสร้างแพ็กเกจชูจุดเด่นที่ตลาดระยะไกล อย่างยุโรป สนใจกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง อาทิ เชื่อมโยงจุดขายที่เป็นมรดกโลก เป็นต้น

      2. การทำเรื่องของ Standard of ASEAN เน้นทำเทรนนิ่งเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน ซึ่งอาเซียนต้ามีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ก็สามารถอบรมให้แก่แต่ละประเทศได้ รวมถึงการทำให้การแจกรางวัลอาเซียนต้า อวอร์ด เป็นที่รู้จักมากขึ้น

      3. การทำเรื่องของอินโนเวชัน เน้นการใช้เทคโนโลยี ทำให้เกิดบิ๊กดาต้านำไปใช้ประโยชน์ด้านท่องเที่ยว การพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ของอาเซียนต้า จูงใจและเกิดความชัดเจนในการโปรโมตท่องเที่ยวร่วมกันทั้ง 10 ประเทศ

       วันนี้ถ้าเราทำเรื่องของมาร์เก็ตติ้งแคมเปญร่วมกันได้สำเร็จ ต่อไปก็สามารถต่อยอดไปยังการผลักดันในเรื่องอื่นๆ ให้อาเซียนภาพรวมได้ เช่น การผลักดันให้เกิดแคมเปญวิสิต อาเซียน เยียร์ ที่จะทำให้เกิดอิมแพ็กต์มากกว่า แต่ละประเทศจัดกันเอง หรือแม้แต่การทำประกันการเดินทางท่องเที่ยวของบริษัททัวร์ที่แต่ละประเทศจ่ายไม่เท่ากัน ก็ควรจะทำให้เท่ากัน เป็นต้น

สัมภาษณ์โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,527 วันที่ 1-4 ธันวาคม 2562